โปรไบโอติก พร้อมเทคโนโลยีไร้รอยต่อ เพื่อสุขภาพของลำไส้ใหญ่

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

โปรไบโอติก พร้อมเทคโนโลยีไร้รอยต่อ เพื่อสุขภาพของลำไส้ใหญ่


ปัจจุบันมีกระแสผู้บริโภคให้ความใส่ใจเลือกอาหารที่มี คุณสมบัติต่างๆ มากขึ้น ในแง่ของการมีคุณค่าทางอาหาร สูง ให้ผลดีต่อสุขภาพ และมีความปลอดภัย อย่างที่เรียกว่า อาหารฟังก์ชั่น (Functional food) โดยลักษณะเด่นของ อาหารชนิดนี้คือ เป็นอาหารที่มีบทบาทในการลดความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งอวัยวะหรือระบบที่เป็นเป้าหมายของอาหารฟังก์ชั่น ได้แก่ ระบบภูมิ-คุ้มกันของร่างกาย ความดันโลหิต การเผาผลาญของไขมัน การต้านอนุมูลอิสระ และระบบการย่อยอาหาร
ทั้งนี้ จากรายงานสถิติโรคมะเร็ง 2552 ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นสาเหตุการตายอันดับ 3 ของเพศชาย และอันดับ 5 ของเพศหญิง ดังนั้น ผู้บริโภคจึงจำเป็นต้องตระหนัก และ ใส่ใจหาทางบรรเทาป้องกันปัญหาก่อนที่จะลุกลามจนสายเกินแก้ ทั้งนี้ องค์ประกอบของอาหารฟังก์ชั่นที่มีคุณสมบัติ ให้ผลดีต่อสุขภาพลำไส้ ได้แก่ ใยอาหาร พรีไบโอติก และโปรไบโอติก เป็นต้น ซึ่งในตลาดอุตสาหกรรมอาหารมักจะ นำโปรไบโอติกมาประยุกต์ใช้มากที่สุด เช่น ผลิตภัณฑ์นม เปรี้ยวพร้อมดื่มประเภทพาสเจอไรส์ มีมูลค่าการตลาดรวมถึง 6 พันล้านบาทในปี 2553 สำหรับวงการตลาดขาย ตรง มีการนำโปรไบโอติกมาประยุกต์ใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่เป็นสมุนไพร ซึ่งคาดการณ์ว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท
อนึ่ง โปรไบโอติก (Probiotic) หมายถึง กลุ่มจุลินทรีย์ ที่มีชีวิตทำหน้าที่ในการช่วยปรับสมดุลของสภาพแวดล้อม ในระบบลำไส้ เนื่องจากในระบบทางเดินอาหารของมนุษย์ มีจุลินทรีย์เป็นจำนวนมากมายหลายชนิด ทั้งที่เป็นประโยชน์ และโทษ ดังนั้น ถ้าหากจำนวนจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มีมาก ขึ้น ก็สามารถเกาะติดกับลำไส้ เป็นการช่วยป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์ชนิดก่อโรคมาเกาะผนังลำไส้ และหลั่งสารพิษที่มี ผลทำให้เยื่อบุลำไส้อักเสบได้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยบรรเทา อาการท้องเดิน และป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่อย่างตรงจุด ซึ่งกลุ่มจุลินทรีย์ที่รู้จักกันดีและนำมาใช้มากที่สุดได้แก่ Lactobacillus acidophilus และ Bifidobac-terium longum
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการพัฒนาและเพิ่มจำนวนกลุ่ม จุลินทรีย์โปรไบโอติกมากเป็นหลายพันล้านตัวตามที่โฆษณา ในผลิตภัณฑ์ทั่วไปแล้วนั้น แต่ในความเป็นจริง เมื่อกลุ่มจุลินทรีย์เหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย ก็ต้องผ่านระบบการย่อยอาหาร อย่างกระเพาะอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดและลำไส้เล็กที่มีฤทธิ์ เป็นด่าง ด้วยสภาวะดังกล่าว กว่ากลุ่มจุลินทรีย์จะถึงเป้าหมายที่ลำไส้ใหญ่นั้น กลุ่มจุลินทรีย์ส่วนใหญ่จะทนต่อสภาพ การย่อยอาหารของมนุษย์ไม่ไหว จึงมีชีวิตเหลือรอดถึงลำไส้ใหญ่น้อยมากไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าต้องมีการรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีโปรไบโอติกอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จึงจะค่อยเห็นผล ซึ่งก็เป็นการ ผลักค่าใช้จ่ายให้ผู้บริโภคซื้อผลิตภัณฑ์มากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ทางธุรกิจเอสเนเจอร์ได้เล็งเห็นประโยชน์ของข้อนี้ จึงได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจอย่างบริษัท ไทย ยินตัน นำผลิตภัณฑ์ยินตัน บีฟีน่า อีเอ็กซ์ ที่มีจุลินทรีย์ Bifidobacterium longum กว่า 10,000 ล้านตัว และ Lactobacillus acidophilus กว่า 1,000 ล้านตัว บรรจุด้วยเทคโนโลยีแคปซูลไร้รอยต่อเคลือบ 3 ชั้น (3 Layers Enteric Seamless Capsules) อันเป็นแคปซูลชนิดพิเศษ ซึ่งวิจัยและผลิตโดยศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของบริษัท โมริชิตะยินตัน ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจดสิทธิบัตรไปทั่วโลก
โดยแต่ละชั้นจะมีความคงทนในสภาพกรดและด่างที่แตกต่างกัน ทำให้เมื่อถึงจุดลำไส้ใหญ่ แคปซูลจะแตกออก และให้ปริมาณกลุ่มจุลินทรีย์เกือบครบตามจำนวนที่ได้ระบุไว้ อันช่วยย่นระยะเวลาและให้ความคุ้มค่าแก่ผู้บริโภค ได้มากกว่า นอกจากนี้ ในแคปซูลยังมีน้ำตาลโอลิโกแซคคาไรด์ (Oligosaccharide) อันเป็นน้ำตาลที่เป็นอาหารของ จุลินทรีย์นั้นด้วย แต่น้ำตาลชนิดนี้ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้ ดังนั้น จึงไม่เป็นข้อกังวลสำหรับ ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำตาล
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ธุรกิจเครือข่ายเอสเนเจอร์มีความ ตั้งใจและสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของสมาชิกและหุ้นส่วนธุรกิจให้มั่นคงอย่างยั่งยืนต่อไป


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ