สะบัดร้อนสะบัดหนาว : by ณรงค์ ปานนอก

จุดพลิกผันจนการเมืองตาลปัตรร้อนฉ่าเพียงเพราะคุณทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจเปลี่ยนเกมแก้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อให้ล้างความผิดครอบคลุมไปถึงตัวเองและคู่กรณีอย่างคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ด้วย โดยลืมคิดไปว่าฝ่ายค้านนั้นเฉียบแหลมในเรื่องพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสของตัวเอง

ประกอบกับประชาชนที่เป็นพลังเงียบส่วนหนึ่งก็ไม่ชอบวิธี "ลักหลับ" เปลี่ยนหลักการที่ไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะยืนยันตลอดมาว่า นิรโทษให้เฉพาะประชาชนที่ร่วมม็อบ ไม่ผูกพันไปถึงแกนนำและผู้สั่งการทั้ง 2 ฝ่ายซึ่งเป็นตัวการสำคัญ แต่แล้วก็ "เหมาเข่ง" จนรู้สึกว่า "รับไม่ได้" คล้ายพวก "แหล"

พลังประชาชนที่ "หมั่นไส้" ผสมกับพลังพรรคฝ่ายค้านที่เก่งกาจในการพูดอยู่แล้ว จึงกลายเป็นกระแสที่ "จุดติด" ช่วยกันเป่านกหวีดกันสนั่นเมืองไปหมด

คุณทักษิณ อาจนึกว่าตัวเองไม่พลาด แต่เห็นอาการของรัฐบาลที่ถอยกรูดไม่เป็นกระบวน ย่อมพิสูจน์วิธีคิดของคุณทักษิณเช่นกันว่า อำนาจที่เหนือกว่าอาจทำให้ทุกอย่าง "พลิกล็อก" ชั่วพริบตาได้

เพราะคุณทักษิณแม้จะเก่งกาจในเชิงบริหารจัดการ แต่การอยู่ต่างแดนไกลโพ้นย่อมไม่อาจ "สแกน" วิเคราะห์สถานการณ์จริงในประเทศได้ทุกกระเบียดนิ้วว่า ทำไมโหรจึงพร้อมใจ "ฟันธง" ดวงเมืองเหมือน "ขบวนการซ่อนเร้น" ว่าจะเกิดวิกฤติตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ทั้งๆ ที่โหรก็ทำนายทายเรื่องโลกาวินาศ ผิดอย่างไม่เป็นสับปะรดมาแล้ว

คุณทักษิณจะไปรู้ทุกซอกทุกมุมได้อย่างไรว่า ฝ่ายค้านได้เดินสายโยงลึกไปถึงหลากสถาบันและหลายองค์กร พร้อมชนชั้นอนุรักษ์และกองกำลังระดับมีพลังนอกระบบมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะในเมืองหลวง ซึ่งก็รู้ว่าเป็นดงใหญ่ของฝ่ายค้าน

คุณทักษิณ อาจคิดว่าไม่ใช่ความโง่ แต่หลายคนคิดไม่เหมือนกับคุณทักษิณแน่

ยังดีที่ผลการตัดสินคดีเขาพระวิหาร ทำให้ เหตุผลที่จะ "เติมเชื้อกระแส" ลุกลามหวังให้เป็น "ไฟลามทุ่ง" ไม่เป็นไปตามที่ฝ่ายค้านคาด

แต่นั่นแหละเมื่อกระแสถูกจุดได้กว้างขวาง แล้ว ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาเครื่องมือมา ดับกระแสได้ง่ายๆ ดีไม่ดี พรรคเชิงสูงอย่างประชาธิปัตย์นั้นมีโอกาส "พลิกไพ่" ให้จบเกมแบบนี้ได้ไม่ยากเลย

ดูสีหน้าคุณอภิสิทธิ์และคุณสุเทพเอาก็แล้วกันว่า มั่นใจกี่ร้อยเปอร์เซ็นต์

สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดของการเมืองไทย คือ คนไทยในเมืองหลวงที่ได้ชื่อว่ามีการศึกษาดีที่สุดของประเทศกลับลืม "มลทิน" ของนักการเมืองบางคนไปได้ง่ายเหมือนปลิดทิ้ง

ไม่ว่าอดีตนักการเมืองบางคนจะผิดพลาดเรื่องที่ดิน สปก.4-01 จนรัฐบาลขณะนั้นต้องเลือกตั้งใหม่ ไม่ว่าลูกหลานจะเกี่ยวโยงกับที่ดินหลวงที่น่ากังขาบนเกาะ แก่งแหล่งท่องเที่ยว หรือน่าสงสัยต่อความอัปยศเรื่องโรงพัก 396 แห่งทั่วประเทศ สร้างไม่เสร็จจนเดี๋ยวนี้

อย่างนี้ห้ามพูดว่าอยู่ในข่ายโกงเรื้อรัง หรือโคตรโกงเด็ดขาด

เฉพาะอย่างยิ่งกับห้วงเวลาของการบริหารประเทศปี 2553 ที่ทำให้เกิดการสลายฝูงชนจากคำสั่งของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็น ผู้อำนวยการ ศอฉ.เองที่มั่นใจว่ามีกฎหมายรองรับคุ้มกันอย่างถูกต้องทุกประการ

แต่ในทางจิตสำนึกที่เป็นวุฒิภาวะสูงสุดของนักการเมือง จะมีมากน้อยแค่ไหนที่ทำให้เกิดความตายของฝูงชนร่วมร้อยศพ บาดเจ็บอีกนับพัน

กลับไม่มีผู้นำในขณะนั้นแสดงความรับผิดชอบอย่างเหลือเชื่อ

และเมื่อวันนี้มาถึง คุณอภิสิทธิ์สามารถกลับพลิกคำพูดแบบ 360 องศาอีกแล้วทำนองว่า "ถ้ามีใครที่มาชุมนุมต้องเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว โคตรของคนบางคนอาจไม่มีแผ่นดินอยู่"

แล้วตอนคุณเป็นผู้นำรัฐบาลมีคนไทยตายไปเกือบร้อยศพล่ะ คุณเคยนึกถึงโคตรตระกูลของตัวเองมั่งหรือไม่

คุณอภิสิทธิ์ ไม่เคยจำลิ้นลมที่เคยตวัดกลับกลอกไปมา แบบไม่รับผิดชอบเลยแม้แต่น้อย

ฝูงชนที่ล้นหลามอยู่กลางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สามารถเป็นเครื่องมือ ฟอกคราบไคลที่แสนมอมแมมในอดีตของคนบางคนไปอย่างบริสุทธิ์ชะงัดได้ถึง ขนาดนี้เชียวหรือ?

หรือนี่คือวิธีการล้างผิดทางการเมืองที่สุดนุ่มเนียน โดยคิดว่าเป็นทางรอดที่ดีที่สุดแล้ว

ก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่า ประชาชนคนฟังเขาลืม หรือหลงใหลได้ปลื้มกับวาจาคารมที่พลิกพลิ้วกลับไปกลับมาของคุณอภิสิทธิ์ได้อย่างไร

เลยไม่อยากคิดอะไรกับการเมืองในเมืองหลวงของประเทศนี้ว่า มันเอาอะไรเป็นแก่นสาร หรือยึดระบอบประชาธิปไตยแบบไหนเป็นเสาหลักกันแน่

โทษทัณฑ์ของคุณทักษิณที่เล่นการเมืองแบบเหลิงอำนาจเหมือนเดิม อาจไม่มีสิทธิ์กลับบ้านแบบเท่ๆ ได้อีกแล้ว...แต่ผู้คนก็หลิ่วตาลืมพฤติกรรมของ มาร์ค-เทือกที่ผ่านมาหมาดๆ อย่างเลือดเย็น และสะบัดคารม "ถ่มน้ำลายรดฟ้า" ตลอดมา

หรือมันเป็นเวรกรรมทางการเมืองของแผ่นดินนี้จริงๆ!