สมมติฐานผิด ย่อมเห็นผิด

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สมมติฐานผิด ย่อมเห็นผิด


สะบัดร้อนสะบัดหนาว : by ณรงค์ ปานนอก

ประโยคนี้คือคำพูดของท่านทูตวีรชัย พลาศัย ที่ตอบข้อสงสัยของนักการเมืองฝ่ายค้านคือนายศิริโชค โสภา ในสภาผู้แทนเมื่อวันที่ 13 ที่ผ่านมา กรณีการตัดสินคดีเขาพระวิหารที่ออกมาทำนองว่า ไม่มีใครได้ไม่มีฝ่ายไหนเสีย หรือถ้าเสียก็เสียกัน คนละนิดละหน่อยทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายค้านพยายามกระตุกติงรัฐบาลว่าให้แจงรายละเอียด และเปิดเผยความจริงให้หมด เนื่องจากยังมีข้อกังขาว่า ไทยได้ดินแดนคงเดิม หรือเสียดินแดนไปบางส่วนหรือไม่

ฝ่ายรัฐบาล ซึ่งความจริงคือฝ่ายข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศเป็นฝ่ายเกาะติดคดีนี้มาอย่างยาวนาน ไม่จำเป็นต้องหยิบกระดาษเอกสารแผ่นไหนมากางอ้างอิง อีก ก็หลับตาเห็น...และมองว่าที่เราเคยห่วงกังวลว่า ไทยจะเสียดินแดนไป ก็ไม่เป็นไปตามนั้น แต่อาจมีปัญหากับบางพื้นที่ประมาณ 300 ไร่ ซึ่งอาจมองว่าย่อมดีกว่าที่ศาลโลกตัดสินให้ดินแดนตรงนั้นหลุดไปเป็นของกัมพูชาทั้งหมด 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่จะต้องเจรจากับกัมพูชาในรายละเอียดอีกหลายยกภายใต้บรรยากาศความเป็นเพื่อนบ้านกัน

ไม่ใช่มีปัญหานิด ก็คิดแต่จะยุให้เกิดสงครามท่าเดียว

ฝ่ายค้านนั้นรวบรวมข้อมูลโดยนักการเมืองรุ่นใหม่ (แต่ใช้สไตล์พรรคการเมืองเก่า) และยึดเอกสาร 1 : 200,000 เอามาวิเคราะห์เป็นหลัก เมื่อสรุปแล้วก็สงสัยว่า ไทยยังมีดินแดนเท่าเดิม หรือเสียดินแดนบางส่วนไปหรือไม่...ซึ่งอาจทำให้หมู่คนรักชาติที่เตรียมพร้อมบางส่วนจะไม่ยอมให้ไทยเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว หยิบไปขยายผลให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขายระเบิดระหว่างคนสองแผ่นดิน ที่อยู่ดีๆ ก็ ต้องชุลมุนจนแผ่นดินชายแดนร้อนเป็นไฟขึ้นมาอีกได้

เพราะสถานการณ์การเมืองที่มีม็อบคุกรุ่นอยู่แถวราชดำเนินกับสะพานมัฆวาฬ นั้น พร้อมที่จะปลุกปั่นขึ้นมาในทันทีได้ เนื่องจากเป็นกลุ่มนักการเมืองฝ่ายค้านที่กำลัง เล่นเกมทั้งในสภาและนอกสภาเป็น "2 ขา" ขึงพืดการเมืองให้ตึงเครียดอยู่เวลานี้

เป็นการปลุกม็อบที่ประกาศหวัง "เผด็จศึก" รัฐบาลให้ล้มให้ได้ภายใน 30 พฤศจิกายน (อ่านไต๋ได้ว่า ข้อสอบในศาลรัฐธรรมนูญ "รั่ว" แล้ว ถึงกล้าลาออกจาก ส.ส.)

ท่านทูตวีรชัยซึ่งติดตามคดีเขาพระวิหารมาตั้งแต่ต้น ได้เตรียมนักการทูต นักกฎหมาย จากค่ายดังๆ ทั่วโลกมาต่อสู้คดีจนเป็นที่ลือลั่น เป็นที่ชื่นชมของคนไทยทั้งประเทศด้วยเอกสาร เหตุผล และด้วยนักกฎหมายระหว่างประเทศที่ฝีปากเก่งจนบางท่านที่เป็นผู้หญิงยังเป็นขวัญใจของคนไทยไปทันทีที่สรุปคดี

หากจะให้เชื่อเหตุผลของท่านทูตวีรชัยกับนักการเมืองอย่างคุณศิริโชค ผมคงฟังน้ำหนักจากท่านทูตมากกว่า และยอมรับในวลีที่ท่านทูตพูดถึงคำแย้งของคุณศิริโชค ว่า "...หากสมมติฐานผิด ความเห็นที่ออกมาก็ย่อมผิด..."

เมื่อย้อนหลังดูพฤติกรรมการทำงานของท่านวีรชัยในทางการทูต กับคุณศิริโชค ในทางการเมือง ผมจึงให้น้ำหนักความเชื่อถือไปที่ท่านทูตมากกว่า

ใช่..ถ้าสมมติฐานผิด ความเห็นที่ออกมาก็ย่อมผิด นั้นกำลังถูกพิสูจน์ในทาง การเมืองทุกนาทีว่า ม็อบที่ราชดำเนินต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จนมวลชนจากทุกสารทิศออกมาคัดค้านทำให้รัฐบาลและนักการเมืองเสียงข้างมากในสภาต้องถอยร่นไม่เป็นกระบวนจนสัมฤทธิ์ตามเป้า...แต่หลังจากสำเร็จแล้ว มวลชนส่วนหนึ่งก็กลับสู่ ที่ตั้งไปทำงานปกติ แต่มวลชนอีกส่วนหนึ่งก็ยัง "มัน" และหนุนการประท้วงต่อไปเนื่องเพราะ "ติดใจเชื้อปลุกระดม"

ที่ไม่รู้ว่า มีสมมติฐานถูก และนำไปสู่ความเห็นการตัดสินใจเชื่ออย่างถูกต้องหรือไม่

เพราะหากจะต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่นต่อแล้วละก็...ไม่ลองย้อนไปดูพฤติกรรม ของแกนนำที่คัดค้านว่า ตั้งแต่เป็นนักการเมืองมา เขาเคยซื่อสัตย์ในที่ดิน สปก.4-01 นำไปแจกคนรวยที่เป็นพวกตัวเองหรือไม่ ญาติพี่น้องเขาบุกรุกปลอมเอกสารที่ดินหลวงบนเกาะมาเป็นของตนหรือไม่ ยามทำงานในสภาญาติพี่น้องเขามีอาการผิดปกติ เที่ยวไปคลุ้มคลั่งบีบคอ ส.ส. หรืออีกคนหน้ามืดทุ่มเก้าอี้ในสภาอย่างบ้าคลั่งหรือไม่

รัฐบาลที่นักการเมืองบางคนได้บริหารประเทศน่าสงสัยในวิธีโยกย้าย ผบ.ตร. แบบข้ามปีไม่ได้ แสดงว่าบริหารไม่เป็นแล้ว ยังน่าสงสัยอีกว่า ทำไมโรงพัก 396 แห่ง ทั่วประเทศจึงอัปยศเหลือแต่เสาโด่เด่จนเดี๋ยวนี้ มันต้องมีคนแอบโกง...แล้วโครงการ ไทยเข้มแข็งไม่โกง ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่นยังงั้นหรือ?

คนที่ปากพูดว่าในชีวิตการเมืองไม่เคยทุจริตคดโกง จึงเป็นวาจาที่น่าเชื่อแค่ไหน และสมควรเป็นผู้นำม็อบอย่างบริสุทธิ์ขั้น "ฮีโร่" ขนาดนั้นเชียวหรือคนมีสติ ไตร่ตรองน่าจะรู้ดีมานานแล้ว

มวลชนที่บริสุทธิ์ดังความสง่าของราชสีห์ ควรจะเดินตามหลังสุนัขขี้เรื้อนกระนั้นหรือ?

ด้วยจิตสำนึกทางการเมืองที่ยุติธรรม และคำนึงถึงความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย นักการเมืองคนใดหากมีความผิดพลาดในพฤติกรรมที่ไม่ซื่อสัตย์บริสุทธิ์ เพียงครั้งเดียวก็น่าจะพอแล้วที่เขาควรหยุดอาสาไปเล่นการเมือง เพราะหากยัง "ยอมให้เขาเชิด" ต่อไปอย่างไร้คุณธรรมและผิดแล้วพลาดเล่า ก็จะเกิดความเคยชินที่เขาไม่รู้สึกรู้สาว่า ความผิด ความไร้จรรยาบรรณเป็นเรื่องอันตรายต่อการเมือง

ปล่อยออกมาให้แสดงอาการ "เอาดีใส่ตัว โยนชั่วให้คนอื่น" โดยปิดบังความมอมแมม และไม่น่าเชื่อจากความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ความผิดพลาดในอดีตของตัวเอง แล้วปล้ำปลุกระดมให้มวลชนหลงเชื่อบนสมมติฐานที่บิดเบี้ยวใส่คนอื่น

ยังงี้ต่อให้ตั้งศาลประชาชนกี่ศาลๆ ก็ตัดสินคนด้วยเหตุผลที่ผิด ไม่รู้จักจบครับ!


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ