“ซีอาร์จี” เดินหน้าลุยสนามเดลิเวอรี่โค้งสุดท้ายปี 64 ขนทัพอาหาร ‘ไทย-จีน’ เร่งดันยอดโตยุคโควิด-19

วันพฤหัสบดีที่ 09 กันยายน พ.ศ. 2564

“ซีอาร์จี” เดินหน้าลุยสนามเดลิเวอรี่โค้งสุดท้ายปี 64 ขนทัพอาหาร ‘ไทย-จีน’ เร่งดันยอดโตยุคโควิด-19


นายธนพล ธรรพสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่ม Thai & Chinese Cuisine บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด ประกาศขนทัพแบรนด์อาหารกลุ่มธุรกิจ Thai & Chinese Cuisine “ไทยเทอเรส  อร่อยดี  เกาลูน  ส้มตำนัวกล่าวว่า สำหรับธุรกิจร้านอาหารประเทศไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2564 คาดว่าภาพรวมยังต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง จากผลกระทบของการระบาดโควิด-19 ที่มีผลให้สภาพแวดล้อมธุรกิจร้านอาหารต้องปรับตัวเพื่อรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ทั้งจากมาตรการการควบคุมการระบาดของภาครัฐในการคุมเข้มพื้นที่สีแดงเข้มให้ธุรกิจร้านอาหารจำหน่ายสินค้าให้เฉพาะซื้อกลับไปทานที่บ้านเท่านั้น ส่งผลให้แบรนด์ต่าง ๆ เร่งปรับตัวรับกับความท้าทายที่เกิดขึ้น และกำลังซื้อของผู้บริโภคซึ่งก็ได้รับผลจากการปรับตัวของการจ้างงานเช่นเดียวกัน โดยรวมแล้วคาดการณ์ว่า ธุรกิจร้านอาหารที่มีมูลค่าประมาณ 4  แสนล้านบาท จะขยายตัวเพียง  1.4 – 2.6%

จากปัจจัยที่มีผลกระทบกับธุรกิจอาหารในภาพรวมนำมาสู่การปรับตัวของภาคธุรกิจเพื่อให้เกิดการแข่งขันได้ โดยในส่วนของ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ ซีอาร์จี (CRG)  ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างของการบริหาร และปฏิบัติงาน มุ่งเน้นในการบริหารจัดการในแต่ระบบให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น  ดังนี้ 1. แผนการบริหารจัดการต้นทุน มุ่งเน้นบริหารจัดการ อาทิ พัฒนาทักษะพนักงานโดยดึงศักยภาพของพนักงานให้สามารถทำได้หลายหน้าที่, วัตถุดิบ มีการบริหารจัดการต้นทุน ควบคุมการสูญเสีย  รวมไปถึงการจัดหาพื้นที่ทำ Delivery และการเจรจาค่าเช่าที่เหมาะสม 2. กลยุทธ์การตลาด เพื่อให้แบรนด์เป็นส่วนหนึ่งของผู้บริโภค โดยทำการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งเน้นหนักให้ขับเคลื่อนด้วยดาต้าซึ่งลูกค้าที่สั่งออนไลน์อาหารมีมากกว่า 90% ทั้งช่องทาง Google trend, Tiktok, Twitter เป็นต้น 3.เลือกใช้ผู้นำเทรนด์ การสื่อสารเมนูใหม่ๆ ผ่าน KOLs, Food Influencer  และ 4. โปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เข้าถึงลูกค้ามากที่สุด

นอกจาก การปรับโครงสร้างของการบริหารงานระบบแล้ว  ในส่วนของพื้นที่ร้าน และทำเลที่ตั้งร้าน ทางกลุ่มก็ได้ปรับเพื่อให้เหมาะกับสัดส่วนการขายและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งในภาพรวม มีการแบ่งสัดส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายเอาไว้อย่างชัดเจนทั้ง  ช่องทาง การนั่งทานที่ร้านและซื้อกลับบ้าน และ เดลิเวอรี่  โดยในปี 2563  การนั่งทานที่ร้านและซื้อกลับบ้าน มีสัดส่วนที่ 70 % ขณะที่ปี 2564 ปรับลดสัดส่วนลงมาที่ 60 % ด้านช่องทางการขาย เดลิเวอรี่ ในปี 2563 มีสัดส่วน 30 % ส่วนในปี 2564 อยู่ที่ 40 %

อีกทั้งยังมีการเพิ่มเมนู Take away และเน้นสัดส่วนการขายเดลิเวอรี่มากขึ้น เพิ่มโลเคชั่นหาพื้นที่ Cloud Kitchen รองรับการขายเดลิเวอรี่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง รวมถึงการพัฒนากลยุทธ์การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยดาต้าทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ โดยเฉพาะออนไลน์มากกว่า 90% เช่น Google trend,Tiktok,twitter เป็นต้น นอกจากนี้อีกอาวุธสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังราจะนำแบรนด์ “ส้มตำนัว” ที่จะเข้ามาเสริมทัพแบรนด์ในกลุ่มและขยายฐานลูกค้าให้หลากหลาย โดยเน้นสัดส่วนการขายนช่องทางดลิเวอรี่เป็นหลัก

สำหรับผลการดำเนินงานของ Thai & Chinese Cuisine ครึ่งปีแรกของปี 2564 ภาพรวมเติบโตขึ้น 10% โดยตัวเลขรายได้ ในปี 2653 อยู่ที่ประมาณ 270 ล้าน ซึ่งการเติบโตมาจากการพัฒนาโมเดลใหม่เพิ่มเติม อาทิ คีย์ออส (Kiosk) รวมถึงการขยายสาขา อย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนสาขา ปัจจุบันมีทั้งสิ้น  67 สาขา ทุกสาขาตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร  แบ่งเป็น แบรนด์ไทยเทอเรส มีจำนวน  17 สาขา  อร่อยดี  33 สาขา  เกาลูน  10 สาขา ส้มตำนัว  7 สาขา นอกจากนี้ ยังมี แบรนด์ โตเกียว โบวล์  (Tokyo Bowl) ซึ่งเป็น Virtual Brand อีก 50 สาขา



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ