ผ่านไปร่วมเดือนหนึ่งแล้วกับการย้ายเข้ามาในบ้านหลังใหม่ ของ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ในหมวก ผู้บังคับการตำรวจนครบาล หรือ ผบก.น.7

"พล.ต.ต.ปิยะ" ถือเป็นตำรวจฝีมือดี ที่แม้จะย้ายมาเป็นหน้าใหม่ที่นี่ แต่ก็เป็นมือ เก่ามาจาก กองบังคับการตำรวจจราจร และมีผลงานติดมือมาไม่น้อย

"การแก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการการมีส่วนร่วมและใช้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง" เป็นโครงการที่อาจไม่ใช่ของใหม่ถอดด้าม แต่พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวกับเราว่าเป็นโครงการที่ตั้งใจจะผลักดันให้เป็นรูปธรรม ให้ได้เพื่อเป็นของขวัญกับคนในพื้นที่นี้

พร้อมทั้งอธิบายว่าโครงการนี้เป็นโครงการนโยบายที่รัฐบาลมีถึงกองบัญชา การตำรวจนครบาล ซึ่งในทุกภาคต้องรับหลักการนี้ แต่ใครจะทำได้ขนาดไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในส่วนของนครบาล 7 เรา ให้ความสำคัญกับนโยบายนี้เต็มที่ เพราะเล็งเห็นถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

ในส่วนของตัวโครงการเราได้มีการเสวนา รับฟังความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ใน ทุกลำดับชั้นตั้งแต่ระดับบริหาร สัญญาบัตร ไปจนถึงชั้นประทวน ฉะนั้นอาจกล่าวได้ว่าที่ กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 นี่น่าจะเป็นที่แรกที่ให้ตำรวจระดับชั้นประทวนเข้า มามีส่วนร่วมในการจัดทำนโยบายในการทำงาน

นอกจากนี้เรามีการลงพื้นที่เพื่อพบปะ กับชาวบ้าน ผู้นำชุมชน เพื่อรับฟังปัญหาต่างๆ และนำไปเป็นโจทย์ในการทำงานป้อง กันและปราบปราม โดยเราไปกันยกทีมทั้ง หน่วยปราบ หน่วยสืบแม้กระทั่งจราจร ซึ่ง เป็นระดับสารวัตรทั้งสิ้น มีสิทธิ์ขาดใน การออกคำสั่งทำให้การทำงานมีความรวด เร็ว นั่นเป็นความคืบหน้าในตอนนี้ที่กำลังทำอยู่

แต่อย่างที่กล่าวมาแล้วว่าโครงการของเรามุ่งเน้นชุมชนเป็นสำคัญ หลักการของเราถ้าจะให้ยั่งยืนความเข้มแข็งของชุม ชนจะต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะไม่มีใคร จะรู้เรื่องราวของชุมชนได้ดีเท่าคนในชุมชนเอง

การจะทำให้ชุมชนเข้มแข็ง ผู้การฯปิยะมองว่าการมีเพื่อนบ้านที่ดี ปลอดภัยกว่าการมีรั้วสูง 3 เมตรเป็นที่มาของ "ฝากบ้านไว้กับเพื่อนบ้าน" คือถ้าบ้านทุกหลังมีเพื่อนบ้านครบ 4 ด้านคือ ด้านหน้า ด้าน หลัง ด้านซ้าย ด้านขวา เรียงต่อๆกันลักษณะชุมชนจะเป็นโครงข่าย การช่วยเหลือสอดส่องย่อมดีกว่าอยู่แบบตัวใครตัวมัน การกระจายข่าวสารข้อมูลย่อมง่าย และรวดเร็ว ในส่วนที่เป็นพื้นที่เปลี่ยว รกร้างเราจะหาหน่วยงานที่เป็นพันธมิตร มาช่วยดูแลจัดการ อาทิ หน่วยงานของ กทม.หรือทหารบกซึ่งในส่วนนี้เราได้มีการเจรจาตกลงกันไว้บางแล้วในระดับหนึ่ง สำหรับส่วนที่เป็นจุดอับจริงๆเราตั้งใจจะนำเทคโนโลยี CCTV เข้ามาเป็นหูเป็นตาและรับรองว่าไม่ใช่กล้องดัมมี่แน่นอน

ก้าวต่อไปคือการคืนอำนาจให้ประชาชน เพื่อประชาชนจะได้มีส่วนร่วมกับชุมชนอย่างจริงจัง และได้มีส่วนร่วมกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

อย่างการจัดสร้างลานกีฬา ทางบก. น.7 ยินดีให้การสนับสนุนเต็มที่ให้เกิดขึ้นเพื่อให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยจะมีกรรมการชุมชนมีส่วนดูแลกันและกัน คือเมื่อเราริเริ่มที่จะทำให้ เขาเองก็ต้องลงมือดูแลรักษาเรื่องนี้ต้องมีการตกลงกัน เพราะเมื่อเราไม่อยู่เราก็ไม่อยาก เห็นตรงนี้หายไป แต่ถ้าอำนาจการดูแลอยู่ ที่ชุมชนการพัฒนาอย่างยั่งยืนก็จะเกิดขึ้นเหมือนเราหยิบยื่นในสิ่งที่เขาต้องการเขาพอใจเขาก็จะรักษาไว้เอง

ผู้การปิยะกล่าวอีกว่า "หลักการของผมคือ ผมจะไม่ทำงานคนเดียว ผมจะให้ทุกฝ่ายมามีส่วนร่วมเราต้องมีเพื่อน งานเราถึงจะออกมาดีเพราะมันคือทีมเวิร์ค"

เพียงเดือนเดียวที่พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ได้เริ่มงานไปนั้น อาจจะยังไม่พอที่จะมองเห็นเป็นรูปธรรมมากมายนัก แต่การเวลาจะเป็นสิ่งพิสูจณ์ว่าตัวของมันเอง..