Toggle navigation
วันอาทิตย์ ที่ 22 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ทวาย วายสมชื่อ
ทวาย วายสมชื่อ
วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
Tweet
สะบัดร้อนสะบัดหนาว : by ณรงค์ ปานนอก
โครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ในแผ่นดินเมียนมาร์ โดยความรับผิดชอบบริหารจัดการของเอกชนไทยคือ บริษัท อิตาเลียน ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ภายใต้ความร่วมมือของรัฐบาลไทยและเมียนมาร์ ถูกนัดให้ผู้นำของ 2 ประเทศพบกันบ่อยๆ พูดจาอย่างใกล้ชิด และมอบหมายให้ คุณนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รับผิดชอบมาตลอด ภายหลังเพิ่มคุณพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.กระทรวงพลังงาน มาร่วมดูแลด้วย
2 ผู้นำ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ ต่างเทียวไป-เทียวมาตลอดปีนี้หลายครั้ง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะพยายาม "ทำคลอด" Mega project นี้ให้ได้เร็วที่สุด นายกฯ ปูก็รับปากว่ารัฐบาลไทยจะสนับสนุนเต็มกำลัง
ฝ่ายนายเต็ง เส่ง ก็ "ฝันหวาน" มาตลอด ว่ากันว่าภายในที่พักของประธานาธิบดีเมียนมาร์ถึงกับติดรูปนายกฯ ไทยด้วยความชื่นชม
ทบทวนอีกครั้งว่า โครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย มีเป้าหมายจะให้เป็นท่าเรือขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 400,000 ไร่ หรือประมาณ 250 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่ามาบตาพุด 10 เท่า) มีร่องน้ำลึก 25-40 เมตร (มาบตาพุดลึก แค่ 14-16 เมตร) จึงสามารถรับเรือขนาดใหญ่ระวางบรรทุกสินค้าได้ถึง 300,000 ตัน (แปลว่าเตรียมรับเรือบรรทุกน้ำมันขนาดยักษ์ได้อย่างดี)
ท่าเรือทวายห่างอีสเทิร์นซีบอร์ดของไทยราว 427 กม. ห่างกรุงเทพฯ 317 กม. และใกล้กาญจนบุรีเพียง 230 กม. เท่านั้น ถ้าสร้างสำเร็จก็จะเป็นประตูเศรษฐกิจบานใหญ่ไปทางภาคตะวันตก เชื่อมต่ออินเดีย ตะวันออกกลาง (บ่อน้ำมันใหญ่ของโลก) เชื่อมยุโรปและแอฟริกา โดยไม่ต้องเสียเวลาผ่านช่องแคบมะละกาและสิงคโปร์ ซึ่งการจราจรทางน้ำคับคั่งมาก แถมยังมีภัยโจรสลัดจากอินโดนีเซียชุกชุมด้วย
แต่ภารกิจหลัก คือการระดมทุนมาเพื่อทุ่มสร้างท่าเรือนี้ ตกอยู่กับ ITD เพียงเจ้าเดียวที่ประมาณว่าจะต้องหาเงินก้อนใหญ่ถึง 300,000 ล้านบาท จะหามาจากไหน เพราะรัฐบาลไทยเองก็วุ่นวายขายกระเฌออยู่กับแผนบริหารน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และโครงการรถไฟความเร็วสูงอีก 2 ล้านล้านบาท กันหัวแทบผุ
จากเดือนธันวาคม 2555 ที่กุลีกุจอสร้างภาพและความหวังให้ปลื้มกันทั้งสองฝ่ายมาจันบัดนี้ ก็ยังไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ขณะที่ที่ดินแถวบ้านพุน้ำร้อน เมืองกาญจนบุรีตามเส้นทางที่ถนนสายไทย-ทวาย จะเปิดเชื่อมกัน ต่างผลัดมือซื้อขายอุตลุดจนราคาพุ่งเป็นสิบเป็นร้อยเท่า
ว่ากันว่าเวลานี้พวกกว้านซื้อที่ดิน ต่างเหงื่อตกและถอยทัพกลับที่ตั้งกันเงียบกริบ
เวลาของปี 2556 ถือว่าผ่านไป 1 ปีเต็มๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กับการคิดและฝันของฝ่ายเมียนมาร์ แม้จะเป็นเพื่อนบ้านรักกับไทยมากเพียงใด แต่ขึ้นชื่อว่าธุรกิจกับเวลาที่เป็นเงินเป็นทอง ย่อมจะฝากอนาคตที่เลื่อนลอยของฝ่ายไทยไม่ได้ ส่วน ITD จะไประดมเงินมาจากไหน จะไปชวนนักลงทุนไทยมาร่วมลุยก็ไม่มีใคร "ร่วมกอดคอจมน้ำด้วย"
ครั้นจะไปชวนเอกชนชาติอื่น เขาก็ไม่ใช่ "ขี้ไก่" ที่จะมาเป็นมือสองรองจากไทย ยิ่งเป็นญี่ปุ่นด้วย เขามี "ไพ่ตัวใหญ่" เหนือกว่าไทยเยอะ เขาสามารถเดินเข้าบ้านนายเต็ง เส่ง ได้โดยไม่ต้องพึ่งไทยเลยก็ได้
เวลานี้ญี่ปุ่นไปเสนอโครงการใหม่ คิดพัฒนาท่าเรือแห่งใหม่ จากย่านที่เป็นท่าเรือเก่าของเมียนมาร์เรียบร้อยไปแล้ว แม้จะไม่ใหญ่อลังการเท่าท่าเรือทวาย แต่ทุนญี่ปุ่นหนากว่า พร้อมที่จะ "เนรมิตท่าเรือ" ได้รวดเร็วกว่านายทุนไทย
ศักยภาพที่เป็นอยู่ของโครงการยักษ์ท่าเรือทวาย จึงค่อยๆ จางหายไปในสายตาของนักธุรกิจและความฝันที่หวังว่าเส้นทางสายนี้จะเป็นประตูบานใหญ่สู่ภาคตะวันตก ก็ค่อยๆ ปิดบานประตูให้แคบและริบหรี่ลงไปตามลีลาและชั้นเชิงทางธุรกิจของแต่กลุ่มทุน
ว่ากันว่า นอกจากเป็นความสามารถเฉพาะกลุ่ม ITD ที่ต้องเป็น 1 ในวงการ ก่อสร้างข้ามชาติแล้ว ก็ยังไม่อาจสร้าง "พันธมิตรธุรกิจ" ที่ใจถึงกับเพื่อนนักธุรกิจไทยเท่าใดนัก
แต่หากย้อนโครงการนี้ไปถึงที่มาอย่างถึงรากเหง้าแท้จริงแล้ว มันเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2551 อันเป็นช่วงที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ "นั่งเมือง" ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หรือเพราะโครงการนี้เป็นของประชาธิปัตย์...มันเลย "ถูกปัดอย่างแนบเนียน" มาตลอด 1 ปีเต็มๆ
ชาวบ้านที่อยู่วงนอกๆ จะรู้มั้ยนี่ว่า "ช้างสารประงา" และแพ้ชนะกันเรียบร้อยไปนานแล้ว
"ทวาย" จึงค่อยๆ วาย เลือนหายไปตามกาลเวลาที่ไม่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของแผ่นดินเป็นที่ตั้ง!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ