ศึกใหญ่รุกขนาบข้าง นอก-ใน เชือด! ยิ่งลักษณ์ รุมขยำแผลเก่า จำนำข้าว

วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ศึกใหญ่รุกขนาบข้าง นอก-ใน เชือด! ยิ่งลักษณ์ รุมขยำแผลเก่า จำนำข้าว


วิเคราะห์การเมือง : by นพคุณ ศิลาเณร

เหตุการณ์การเมืองเดือนพฤศจิกายน ปี 2556 มีความละม้ายคล้ายคลึงทั้ง "วัน-เดือน" กับปี 2555 ราวกับเอาหนังเก่ามาฉายซ้ำใหม่ แต่ ฉากจบในปี 2556 อาจร้อนแรงเป็นทับทวีเพราะปัจจัย ภายนอกสภาเผชิญหน้ารุนแรงหนักหน่วงยิ่งกว่า...

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว. กระทรวงกลาโหม เมื่อพฤศจิกายน 2555 ในสภาต้องเผชิญหน้ากับศึกซักฟอกและถูกยื่นถอดถอนจากตำแหน่ง แต่เดือนเดียวกันปี 2556 เธอยังเผชิญหน้ากับศึกเก่าทั้ง "นอกและในสภา" โหมซ้ำเข้าอีก

24 พฤศจิกายนปี 2555 เกิดม็อบ "แช่แข็งประเทศ ไทย" ของพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ชุมนุมโค่นระบอบทักษิณอยู่ลานอนุสาวรีย์ ร.5 และรอผสมโรงกับศึกซักฟอกของพรรคประชาธิปัตย์ที่มุ่งมั่นเผด็จ ศึกนายกรัฐมนตรีในสภา

แต่ 24 พฤศจิกายน 2556 อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 9 คน นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยืนเบ่งลมเป่านกหวีดตาถลนเรียกระดมคนเป็นล้านมาก่อม็อบ "ไล่ยิ่งลักษณ์ ล้มระบอบทักษิณ" อยู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเต็มถนนราชดำเนิน

ท่วงทำนองแห่งเกมเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วทั้งยุทธวิธีและยุทธศาสตร์ หากแตกต่างคงอยู่ที่มีอารมณ์ร้อน แรงเพิ่มขึ้นเพราะม็อบนอกสภาพรรคประชาธิปัตย์ลงมาเล่นเองซึ่งๆ หน้าจึงไม่เลิกราง่ายๆ เหมือนม็อบเสธ.อ้าย

ดังนั้น การเชื่อมประสานกับเกมซักฟอกในสภาจึงรับลูกเข้ากัน ดุจดั่งนกหวีดสอดรับกับพลังเบ่งลมเป่า เสียง จึงดังทิ่มแทงขั้วหัวใจรัฐบาลให้สะท้านไหววูบ

+ รุมขยำแผลเก่า

ในวันที่ 25-27 พฤศจิกายน 2555 พรรคประชาธิปัตย์ยื่นซักฟอก "ยิ่งลักษณ์" กับ 3 รัฐมนตรี ประกอบด้วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เมื่อครั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กระทรวงกลาโหม พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีต รมช.กระทรวงมหาดไทย

ขณะเดียวกัน ยิ่งลักษณ์กับ 2 รัฐมนตรี คือ พล.อ. สุกำพล กับ พล.ต.ท.ชัจจ์ ยังถูกยื่นถอดถอนซ้ำเติมเข้า ไปอีกดอกด้วย

เดือนพฤศจิกายน 2556 คาดว่า ตั้งแต่วันที่ 25 เป็น ต้นไปการซักฟอกยิ่งลักษณ์กับนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.กระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คงเปิดฉากขึ้นในสภา

หนำซ้ำยังพ่วง นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เข้ามาปิดบัญชียื่นถอดถอนอีกคนรวมเป็น 1 นายกรัฐมนตรี กับ 2 รัฐมนตรีต้องผจญศึกกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาตรวจสอบซ้ำอีก

ข้อหาซักฟอกและยื่นถอดถอนคงวนเวียนอยู่ในประเด็นเดิมๆเหมือนปี 2555 โดยเน้นกระหน่ำซ้ำ "แผลเก่า" ไปที่โครงการรับจำนำข้าวขาดทุนบักโกรก โครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท มีเบี้ยบ้ายรายทางกินตามน้ำและการแต่งข้าราชการมหาดไทยเต็มไปด้วยค่าน้ำร้อนน้ำชา

การรุกห้ำหั่นยิ่งลักษณ์ในสภาล้วนเป็น "แผนของเกม" ลากไปสู่เป้าหมายกำจัด "ตระกูลชินวัตร" อันสอดคล้องกับอารมณ์ม็อบนกหวีดชูป้ายปิดฉากระบอบทักษิณให้สิ้นประเทศไทย

สิ่งสำคัญการพูดในสภามีเอกสิทธิ์คุ้มกัน แตกต่างจากการโจมตีข้างถนนที่ต้องเจอข้อหาหมิ่นประมาท แต่ได้พลังกดดันให้รัฐบาลสั่นสะเทือน

เมื่อเดินเกมเชือดสัมพันธ์กันทั้งศึกในและนอกสภา เช่นนี้ การซักฟอกย่อมได้รับแรงเชียร์จากเสียงนกหวีดดังลั่นถนนราชดำเนิน

นี่เป็นเกมรุกทางการเมืองในเอกลักษณ์เฉพาะของพรรคประชาธิปัตย์ที่ดำรงความเหี้ยมอำมหิตไว้ไม่จืดจาง นับแต่กำเนิดพรรคมากว่า 60 ปี

ถึงกระนั้นก็ตาม จุดอ่อนของพรรคประชาธิปัตย์กลับอยู่ที่ภาพลักษณ์เสื่อมทรุดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ซึ่งถูกเสนอชื่อเป็น "นายกรัฐมนตรี" เข้าประกบแทนที่ยิ่งลักษณ์

ในปี 2555 ก่อนศึกซักฟอกจะเปิดฉากขึ้น นายอภิสิทธิ์มัวหมองด้วยข้อหา "ถูกปลดออกจากทหาร" แต่ในปี 2556 สำนักอัยการสูงสุดเพิ่มความด่างพร้อยทับถมเข้าไปอีก ด้วยข้อหา "สั่งฆ่าประชาชน" ในเหตุ การณ์กระชับพื้นที่เมื่อเมษายน-พฤษภาคม 2553 และจะถูกนำตัวไปฟ้องศาลอาญาในวันที่ 12 ธันวาคมนี้

รอยด่างและข้อหาฆาตกรรมของนายอภิสิทธิ์ จึงมีส่วนทำให้เกมเชือดยิ่งลักษณ์ด้วยข้อหา "โกง" เกิดสะดุดทางอารมณ์ของประชาชนได้บ้างในระดับมากถึงมากที่สุด

เพราะการไล่นายกรัฐมนตรีทุจริตออกจากตำแหน่ง กลับถูกบังคับให้รับคนที่มีบาดแผลฆาตกร 100 ศพมาแทนที่ ทั้งๆเป็นเพียง "ข้อหา" ก็ตาม แต่ในทางการเมืองถือว่า เสียหายอย่างหนัก

+ ตัวช่วย "ยิ่งลักษณ์"

กลยุทธ์รับฝีปากเชือดของรัฐบาลคงใช้เทคนิค เดิมๆ เหมือนปี 2555 โดยให้ยิ่งลักษณ์ตอบโต้ข้อหาในประเด็นกว้างๆ ตามหลักการ "มอบหมายงาน แบ่งหน้าที่รับผิดชอบ" ส่วนรายละเอียดโยนให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเป็น "ตัวช่วย" รับแรงปะทะแทน

"ยิ่งลักษณ์" มีความขยันทำงานเป็นจุดเด่น แต่มีความอ่อนด้อยในการ "อธิบายทางการเมือง" เมื่อถูกฝีปากดุเด็ดเผ็ดมันจากนักฆ่าอำมหิตรุมกระหน่ำโจมตีย่อม พลาดท่าเสียทีเป็นแน่ โอกาสเรียกตัวช่วยมาเผชิญหน้าจึงเป็นสิ่งปกติที่เคยทำเมื่อปี 2555

ศึกซักฟอกเมื่อปีที่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ใช้เวลา 30 ชั่วโมง ถล่มใส่ยิ่งลักษณ์เป็นเป้าหมายหลักเป็นส่วนใหญ่ ข้อมูลลับการจำนำข้าวถูกงัดมากระหน่ำใส่ แต่ ส.ส.รัฐบาล ช่วยขัดขวางเพราะไม่ได้ยื่นถอดถอนในประเด็นนี้ จึงรอดตัวไปเฉียดฉิว

แต่ในปีนี้ ข้อมูลลับจำนำข้าวถูกต่อยอดให้แน่นหนา ผูกปมทีเด็ดย้อนกลับมาเล่นงานยิ่งลักษณ์อีกครั้งแบบเต็มๆ น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ดาวเด่นซุ่มเก็บหลักฐานลากโยงสู่นายกรัฐมนตรีเพื่อเชื่อมไปเผด็จศึก "เครือญาติชินวัตร" ให้บาดเจ็บยกตระกูล

ทั้งผลประโยชน์จากข้าวถุงเน่า ข้าวส่งออกถูกตีกลับจากสหรัฐฯ ข้าวสูญหายและถูกอำพรางย้อมแมวหลอกตา ล้วนเกิดจากระบบทุนสามานย์เอาเปรียบไพร่ ขูดรีดเลือดจากชาวนาทั้งสิ้น ประเด็นเหล่านี้ย่อมลากโยงเป็นชาร์ตอธิบายข้อหาโกงกลางสภา

อย่าลืมว่า น.พ.วรงค์ เคยเปิดชื่อบริษัท สยามอินดิก้าเป็นขบวนการซุกข้าวของ "เสี่ยเปี๋ยง" ผู้มีสัมพันธ์แน่นปึ้กกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นอกจากนี้ยังมีชื่อ "นายรัฐนิธ โสจิรกุล กับนายนิมล รักดี" เป็นผู้รับมอบอำนาจมาแสดงความฉ้อฉลในฐานะนายหน้าซื้อข้าว แล้วได้ผลประโยชน์จากส่วนต่าง แล้วหมุนเงินวนเข้าสู่กระเป๋า เครือข่ายอำนาจใกล้ชิดรัฐบาลมาแล้วเมื่อปีที่แล้ว

อย่าลืมว่า ยิ่งลักษณ์ ในฐานะ "ประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว (กขช.)" ต้องรับผิดชอบข้อหารับจำนำข้าวขาดทุนถึง 2 แสนล้านบาท และเงินจำนวน นี้ส่วนหนึ่งเป็นข้อกล่าวหา "ทุจริต"

ถึงนายกรัฐมนตรีดิ้นหนีอย่างไรย่อมมีบาดแผลเต็มตัว

แน่นอน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงการคลัง กับนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมว.กระทรวงพาณิชย์ พร้อมกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.กระทรวงพาณิชย์ ล้วนมีภาระหน้าที่เป็น "ตัวช่วย" ยิ่งลักษณ์ให้รอดจากเกมเชือดกลางสภาของฝ่ายค้าน

แต่ตัวช่วยในศึกซักฟอกปี 2556 คงทำได้เพียงเบี่ยงเบนข้อหา ตีรวนป่วนเท่านั้น เพราะข้อหาทุจริตรับจำนำ ข้าวเป็นกลเกมหนึ่งที่ยื่นถอดถอนยิ่งลักษณ์ จึงจำเป็นต้องเผชิญหน้ารับบาดแผลทางการเมืองให้เสื่อมเสียเครดิตนายกรัฐมนตรี

+ ศึกนอกขย่มซ้ำ

เกมของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อยู่ที่การลงมติซักฟอกในสภา แต่การกระหน่ำตีหนักหน่วงเพื่อทำให้นายกรัฐมนตรีมัวหมองและมีบาดแผลทุจริตเต็มตัว แล้วลากโยงไปสู่การชำแหละของ ป.ป.ช.ในข้อหาถอดถอน

เมื่อปี 2555 ป.ป.ช.ยังจัดการข้อหาถอดถอนยิ่ง-ลักษณ์กับอีก 2 รัฐมนตรีไม่เสร็จ และต้องกลับมาเล่นงานถอดถอนยิ่งลักษณ์ซ้ำเติมอีกในข้อหาใหม่

นั่นเป็นเกมตามกระบวนการตรวจสอบ ต้องใช้เวลา นานกว่าจะรู้ผล

แต่เกมปลุกม็อบนกหวีดนอกสภา ให้ขยายผลก่อหวอดอารมณ์เคียดแค้นเข้าซ้ำเติม ราวกับเป็นกลเกมทีเด็ดในรหัสไล่ยิ่งลักษณ์ ล้มระบอบทักษิณ ขจัดอำนาจสภาทาส ให้หมดสิ้น

การลงมติในสภา ฝ่ายค้านรู้เต็มอกว่า "แพ้" เพราะมีจำนวนเสียงน้อยกว่า ผลการลงมติซักฟอกเมื่อปี 2555 ยิ่งลักษณ์ได้เสียงไว้วางใจมากที่สุดจำนวน 308 เสียงและไม่ไว้วางใจเพียง 159 เสียง ซึ่งปี 2556 คงมิแตกต่างกันนัก

แต่การกระหน่ำตีจากพลังม็อบนกหวีดนอกสภานั้น อยู่ที่อารมณ์เดือดปุดไม่ไว้วางใจล้วนๆ นายสุเทพเดินเกมเป่านกหวีดเรียกกำลังพลทั่วประเทศจำนวน "ล้านคน" ให้มาชุมนุมบนถนนราชดำเนิน ดุลเดียวกับเสธ.อ้ายเคยป่าวประกาศขอคน 5 แสนคน ให้มาชุมนุมไล่รัฐบาลเมื่อ 24 พฤศจิกายน เมื่อปีที่แล้ว

เสธ.อ้ายระดมคนได้เพียงหลักหมื่นต้นๆ ม็อบแช่แข็งประเทศไทยจึงยุติลงในเวลาบ่ายแก่ๆ ของวันที่ 24 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว

ในวันที่ 24 พฤศจิกายนปีนี้ นายสุเทพเป่านกหวีด ยกระดับไปสู่เกมล้มระบอบทักษิณให้สิ้นซากภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน และกำลังคนจำนวนล้วนคือ คำตอบของพลังกดดันว่า จะเดินไปสู่เป้าหมายตามต้องการเพียงไร

หรือม็อบนกหวีด พลังกดดันนอกสภาจะมีบทสรุปดุจเดียวกับม็อบเสธ.อ้าย คงต้องรอลุ้นอย่างระทึก เพราะศึกครั้งนี้เป็นเดิมพันหมดหน้าตักของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น การเผชิญหน้าแตกหักจึงหลีกเลี่ยงได้ยากเต็มทน


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ