Toggle navigation
วันอาทิตย์ ที่ 22 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
วงจรชั่ว ยึดสถานที่ราชการ
วงจรชั่ว ยึดสถานที่ราชการ
วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556
Tweet
สะบัดร้อนสะบัดหนาว : by ณรงค์ ปานนอก
ถ้าพวกเรายังจำกันได้ หลังจากรัฐประหารปี 2549 แล้วมีการเลือกตั้งอีก พรรค ประชาธิปัตย์คิดว่ายังไงเสียคงชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมากแน่นอน แต่แล้วพรรคไทย รักไทยที่ถูกล้มโดยเผด็จการทหารแต่ลุกขึ้นยืนมาเลือกตั้งใหม่ในนามพรรคพลังประชาชน ก็ยังสามารถเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์และเป็นรัฐบาลอีกจนได้
การต่อสู้ทางการเมืองยังเข้มข้นต่อไปทั้งบนดินและใต้ดิน จนกระทั่งนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ถูกพิพากษาให้มีความผิดเพราะรายการ "ชิมไป บ่นไป" ที่นานาอารยประเทศเห็นขบวนการตุลาการบ้านเราเป็นเรื่องตลกขบขันยิ่งนัก
เมื่อคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสืบต่อมา ก็ไม่มีโอกาสได้บริหารประเทศในทำเนียบรัฐบาล เพราะถูกม็อบเสื้อเหลืองนำโดย คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เดินขบวนเข้าไปยึดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นที่ขุ่นเคืองของข้าราชการทำเนียบจนเดี๋ยวนี้...เพราะ "แป๊ะลิ้ม" ไม่อาจคุมม็อบให้เข้าไปบุกรุกที่ทำงาน และคุ้ยขโมยทรัพย์สินส่วนตัวเสียหายมากมาย ทำให้เขาเดือดร้อนและคับแค้นกระดองใจยิ่ง
ยึดทำเนียบไม่พอ ยังไปยึดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิอีก ก็ยิ่งสร้างความ เสียหายทางเศรษฐกิจหนักข้อเข้าไปอีก จนแกนนำแต่ละคนต้องโดนคดีระดับ "ก่อการร้าย"
เป็นที่รู้กันว่าม็อบที่สร้างความเสียหาย "รุ่นแป๊ะลิ้ม" เป็น "ม็อบมีเส้น" คดีจึงค้างเติ่งไม่อาจไต่สวนให้คืบหน้าถึงที่สุดได้
ม็อบเสื้อแดงปี 2553 ก็มีความผิดที่ไปยึดย่านเศรษฐกิจใจกลางเมืองหลวงย่าน ราชดำริ ก็ถือว่าเสียหายทางด้านการค้า จนไม่รู้ใครฝ่ายไหนกันแน่ ไปวางแผนเผาตึกเซ็นทรัล เวิลด์ แล้วนิยามให้เป็นม็อตโต้ "เผาบ้าน เผาเมือง" เพื่อจะโยนให้เป็นความ ผิดของคนเสื้อแดง
มาถึงวันนี้ เกิดม็อบขนาดใหญ่ที่ต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งสถานการณ์น่า จะคลี่คลายลงหลังจากรัฐบาลและ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลถอยกรูดรูดมหาราชอย่างไม่เป็นท่า แต่เพราะการเมืองเป็นเรื่องของการ "ฉกฉวยโอกาสทอง" ซึ่งจังหวะอย่างนี้มีน้อยนัก คนของพรรคประชาธิปัตย์จึงลาออกจาก ส.ส.หลายคนกระโดดลงข้างถนนมาเป็นแกนนำม็อบ และจุดกระแสให้เป็นที่นิยมของคน "คอหมั่นไส้" จนสามารถดึงแนวร่วม ที่เคยเกลียดรัฐบาลทักษิณหลายๆ กลุ่มมา "แสวงจุดร่วม" เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมาย "ล้มระบอบทักษิณ"
และแล้ววงจรแห่งความชั่วร้ายก็กลับมาอีก นั่นคือ เกมยึดสถานที่ราชการ
แม้จะถูกกล่าวอ้างจากแกนนำว่า เข้ายึดสถานที่ราชการด้วยวิธีสันติ ด้วยความ สุภาพ มันก็ไม่พ้นทำให้สถานที่ราชการหยุดชะงักและไม่อาจปฏิบัติงานได้โดยสิ้นเชิง แม้จะเป็นความยินดีกระดี๊กระด๊าของข้าราชการบางคนก็ตาม
ไม่ยึดแค่กระทรวงการคลัง แต่หวังยึดให้มากกระทรวงไว้ ด้วยม็อบกลุ่มน้อย จนถึงม็อบจำนวนมาก เพื่อจะประกาศเชิงสัญลักษณ์ให้ผู้คนรู้ว่า ระบบราชการยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรล้มเหลวไปแล้ว
ถามว่า มองเป็นความผิดอย่างไม่อาจปฏิเสธได้หรือไม่
ตอบโดยวิธีคิดแบบคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งเป็นแกนหลักปลุกม็อบ ย่อมไม่อาจประเมินถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นว่ามีมากมายมหาศาลแค่ไหนได้ เพราะคุณ สุเทพซึ่งไม่เห็นดีเห็นงามตามแบบของ "แป๊ะลิ้ม" ที่เคยยึดทำเนียบมาก่อน ก็กลับ "ใช้ไม้ตาย" บุกยึดสถานที่ราชการด้วยกลเกมเดียวกัน
ณ วันนี้ โอกาสสร้างม็อบให้แข็งตัวเป็นก้อนใหญ่ เป็น "ทีของประชาธิปัตย์" ที่ใช้ยุทธศาสตร์ "2 ขา" ในสภาและนอกสภา บวกแนวร่วมเกลียดทักษิณ จนกลายเป็น "วงจรม็อบ" ที่สร้างความชะงักงันทางเศรษฐกิจของชาติอย่างได้ผลยิ่ง
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ของสหรัฐฯ โดยนายวิลเลียม เพเซก ที่ติดตามข่าวเมืองไทยตลอดระบุว่า "ม็อบที่ผลัดเปลี่ยนขึ้นมาต้านรัฐบาล กลายเป็นปัจจัยกัดกร่อน ทำให้ไทยฆ่าตัวตายทางเศรษฐกิจ"
"..ไทยยังคงวนเวียนติดอยู่ในกับดักของการทำลายตัวเอง คือความขัดแย้งภายใน...กลุ่มผู้ชุมนุมเองกลับเป็นปัจจัยกระตุ้นการทำลายเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่า จะเป็นการยึดสนามบิน ยึดสถานที่ราชการ หรือเหตุปะทะกลางเมืองจนทำให้คนตาย 90 กว่าราย"
นายเพเซกระบุไว้น่าคิดว่า "ไทยควรมีระบบเลือกตั้ง และปล่อยให้ผู้ที่ได้รับ เลือกตั้งบริหารประเทศไป เพราะอย่างไรเสียผู้นำที่มาจากระบบเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ก็เป็นผู้ที่ได้รับมอบอำนาจแท้จริงจากประชาชน"
แต่ท่ามกลางกระแสม็อบที่เชี่ยวกราก กลับมีนักวิชาการบางคนไปยกย่องเชิดชูว่า คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ขึ้นชั้นเทียบเท่า "มหาตมะ คานธีของเมืองไทย" เตลิดเปิดเปิงไปเสียฉิบ
ใครจะยกย่องเชิดชูให้วิเศษเลอเลิศขนาดไหนก็ตามใจ ลิ้นลมของนักวิชาการที่เพี้ยนมากเพี้ยนน้อยไปเถอะ
แต่สำหรับคนไทยอีกไม่น้อยในประเทศนี้ ที่รู้กำพืดของคุณสุเทพในทาง การบ้านและการเมือง เพียงแค่ย้อนหลังไปไม่นานเป็นอย่างไร เห็นจะยอมรับให้เป็น "ฮีโร่" ของบ้านนี้เมืองนี้ไม่ไหวหรอกครับ!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ