จุดจบประชาธิปไตย!!

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

จุดจบประชาธิปไตย!!


วิเคราะห์การเมือง : by นพคุณ ศิลาเณร

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะ กิจ เรียกร้องนายสุเทพ เทือก-สุบรรณ หัวหน้าม็อบนกหวีดคืนสถานที่ราชการ และพร้อมเปิดเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งอย่างสันติ

สุเทพยังแข็งกร้าว ปัดข้อเสนอ "เจรจา" ทิ้งแบบไร้มิตรไมตรี เขาประกาศต่อหน้าม็อบนกหวีดที่ยึดศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ว่า เดินหน้าล้มระบอบทักษิณ แล้วปูทางไปสู่ การปฏิรูปประเทศใหม่

นับแต่ 25 พฤศจิกายนเป็นต้นมา สุเทพ ยกระดับม็อบนกหวีดเป็นว่าเล่น ราวกับเร่งรีบ ปิดเกม "ไล่ตระกูลชินวัตร โค่นระบอบทักษิณ" ให้ได้ตามตั้งใจภายใน 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

เขากระจายกำลังม็อบนกหวีดจากถนนราชดำเนินออกเดินเท้าเข้ายึดกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ แล้วเดินทางไกลนับ 10 กิโลเมตรไปยึดศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะไว้เป็นฐานกำลังกดดันรัฐบาลให้ยอมจำนน

สุเทพประกาศนับครั้งไม่ถ้วนว่า ม็อบนกหวีดไร้อาวุธ ใช้วิธี "สันติ อหิงสา" แต่การยึดสถานที่ราชการกลับถูก ศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ ผู้เชี่ยวชาญหลักการสันติอหิงสา ตำหนิแบบนุ่มนวลและเรียกร้องให้คืนสถานที่ราชการเพราะการบังคับ ข่มขู่ ไม่เข้าข่ายวิถี แห่งอหิงสา

ถึงขณะนี้ นักวิชาการฝ่ายสนับสนุนม็อบไม่ใส่ใจวิถีอหิงสากันนัก โดยพวกเขาขึ้นเวทีร่ายยาวเชิดชู "สุเทพ" ไปไกลถึงขั้นเป็นบุคคลประวัติศาสตร์เทียบเคียงกับ "มหาตะมะคานธี" นักอหิงสา ผู้ต่อสู้ให้ประเทศอินเดียหลุดพ้นจากเมืองขึ้นของอังกฤษ

แม้นำมาประกบเชิดชูกันไม่ได้ แต่ลมปากนักวิชาการที่เต็มไปด้วยกลเกมเอาชนะ สามารถลากพาโฆษณาชวนเชื่อไปปลุกพลังม็อบนกหวีดให้หลงคล้อยได้แบบมึนๆ ซ้ำร้าย ยังชื่นชมแนวคิดตั้ง "สภาประชาชน" ของ สุเทพ ราวกับเป็นรูปแบบการปกครองใหม่ของ สังคมไทยชนิด "หล่นมาจากฟ้า" ก็ไม่ปาน

+ สภาประชาชน...เอาไงดี

แนวคิดสภาประชาชนของสุเทพผุดขึ้น เมื่อ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ต่อหน้าคนมหาศาลไหลทะลักมาร่วมชุมนุมสนับสนุนม็อบ นกหวีดที่ราชดำเนิน

สุเทพบอกว่าสภาประชาชนเป็นรูปแบบ ใหม่ในการล้มระบอบทักษิณ แต่เขาเพียงประกาศมุ่งหวังปลุกมวลชนให้ฮึกเหิมและมองรูปแบบการปกครองแห่งอนาคตของสังคมไทยใหม่ได้อย่างมีทิศทาง แต่ไม่เคยอธิบายให้กระจ่างว่า ระบอบทักษิณคืออะไร และสภาประชาชนจะมีองค์ประกอบอำนาจเช่นใด เกิดได้อย่างไร

สภาประชาชนของสุเทพจะเป็นรูปแบบ เดียวกับสภาประชาชนของกองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ หรือ กปท. ที่มีมวลชนสนับสนุนจากสำหนักปฏิบัติธรรมสันติอโศกและผู้นิยม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หรือไม่ยังไม่กระจ่างนัก

กลุ่ม กปท. เปิดโฉมหน้าสภาประชาชน แบบง่ายๆ ว่ามีองค์คณะเพียง 99 คน มาจาก ไหนไม่ชัดเจน แต่ได้เคลื่อนพลยื่นฎีกาของพระราชทานสภาประชาชนเมื่อ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แล้วเงียบหายไปไม่โด่งดัง

รูปแบบสภาประชาชนอีกชนิดหนึ่งมาจาก "สภาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย" ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของนักพัฒนาเอกชนและองค์กรพื้นบ้านต่างๆ 76 แห่ง รวมก่อตั้งขึ้นมาเป็นแนวทาง "คู่ขนาน" กับเวทีสภาปฏิรูปการเมืองของรัฐบาล

และโฉมหน้าผู้นำทั้ง 12 คน ของสภาประชาชนแบบนี้ ล้วนเป็นแกนนำที่ฝังตัวก่อม็อบโค่นรัฐบาลทั้งในฝ่ายสุเทพ กปท. และเครือข่ายนักศึกษาปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ทั้งนั้น

หากสภาประชาชนของสุเทพเป็นรูปแบบชนิดหนึ่งข้างต้น นั่นเท่ากับที่มาแตกต่าง กัน คือ สภาประชาชนของ กปท.ต้องขอพระราชทาน ส่วนสภาประชาชนปฏิรูปประเทศ ไทยทำได้ และทำแล้ว แต่ไม่แจ่มชัดนักว่า จะล้มระบอบทักษิณได้

ถ้าต้องการตั้งสภาประชาชนให้เป็นองค์กรในการปกครองประเทศแล้ว สุเทพคงไปไกลถึงขั้นนำพารูปแบบสภาประชาชนของ "สาธารณรัฐประชาชนจีน" ประเทศแบบคอมมิวนิสต์ มาใช้ในสังคมไทยกันแน่

สภาประชาชนแบบนี้ มีที่มาจากการเลือกตั้งตัวแทนทั้งระดับมณฑล เขตปกครอง ตนเอง และเทศบาลทั่วประเทศ แล้วตัวแทน แต่ละสภานั้นเลือกตั้ง "สภาประชาชนแห่งชาติสูงสุด" มาตั้งฝ่ายบริหาร หรือรัฐบาลปกครองประเทศอีกขั้นหนึ่ง

จินตนาการสภาประชาชนของสุเทพเป็นแบบใดกันแน่ แต่ถ้าเป็นแบบการปกครอง ของประเทศจีนแล้ว นั่นเท่ากับต้อง "ฉีกรัฐธรรมนูญ 2550 ทิ้ง" จึงจะก่อกำเนิดขึ้นมาได้ ดังนั้น การเคลื่อนม็อบนกหวีดกระจาย ยึดสถานที่ราชการจึงมีเป้าหมายให้นำไปสู่การล้มรัฐธรรมนูญ

หนทางฉีกรัฐธรรมนูญมีเพียง 3 วิธีเท่านั้น หนึ่งเจรจากันเพื่อยื่นข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ สองทำการปฏิวัติประชาชนล้มรัฐธรรมนูญ และสามยั่วยุให้ทหารทำรัฐ-ประหาร ยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง

แนวทางเจรจากับรัฐบาลนั้น โยนทิ้งไป ได้เลย เพราะสุเทพปฏิเสธข้อเสนอและโจมตีการแก้รัฐธรรมนูญตลอด จนต้องพึ่งศาลรัฐธรรมนูญให้ขัดขวาง ดังนั้น จึงเหลือเพียง "ล้มรัฐธรรมนูญ" เท่านั้นจึงจะกำเนิดสภาประชาชนได้ตามต้องการ

ข้อแตกต่างของสุเทพและม็อบนกหวีด กับความเชื่อระบอบทักษิณ อยู่ตรง "จุดยืน" ทางการเมือง คือ ระบอบทักษิณที่ถูกกล่าวอ้างนั้นมาจากกระบวนการประชาธิปไตย ผ่านการเลือกตั้งของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ แต่สภาประชาชนยังไร้รูปแบบ แต่ต้องล้มรัฐธรรมนูญทิ้ง

นั่นล้วนเป็นปัญหาของม็อบสุเทพที่ไม่ให้ความกระจ่างในทิศทางการต่อสู้เพื่อเดินไป สู่โฉมหน้าสภาประชาชนแบบไหน ประเมินว่า รูปแบบที่มีความก้าวหน้าคงเป็นไปในทิศทางของประเทศจีน

+ จุดจบประชาธิปไตย

การต่อสู้ของม็อบสุเทพ เพื่อเปิดพื้นเป้าหมายไปสู่สภาประชาชน ล้วนสะท้อนถึงจุดจบของระบบพรรคการเมืองและระบอบประชาธิปไตยทั้งสิ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ต้องถามพรรคประชาธิปัตย์ให้แน่ชัดก่อนว่า ต้องการหรือไม่

น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงว่า รูปแบบสภาประชาชนทำไม่ได้เพราะขัดรัฐธรรมนูญ แต่สุเทพยืนกรานความต้องการและม็อบนกหวีด ก็เฮโลตามสนับสนุน

สมควรต้องกล่าวว่า สุเทพกับม็อบนกหวีด และม็อบแนวร่วมทั้งหลายนั้น จะต่อสู้ ให้เกิดสภาประชาชนแบบใดก็ตาม หนทางเดินไปสู่เป้าหมายย่อมต้องทำลายประชาธิปไตยทั้งสิ้น เพราะกลเกมที่วางไว้เฉพาะหน้า คือ เรียก ร้องให้ทหารยึดอำนาจเท่านั้นจึงจะชนะในการ ไล่ตระกูลชินวัตรและระบอบทักษิณ ที่พวกเขาจินตนาการขึ้นมาเป็นเกมต่อสู้

แต่ขณะนี้ทหารยังนิ่งเฉย โอกาสจบเกมของสุเทพในสิ้นเดือนพฤศจิกายน คงเลื่อน ออกไปไม่มีกำหนด นั่นสะท้อนถึงลางแพ้ในอนาคตมีโอกาสเกิดขึ้น นอกเสียจากเล่นกันหนักขั้นแตกหัก ชนิดอะไรจะเกิดขึ้น "ชั่งหัวมัน" เพื่อปั่นสถานการณ์รุนแรงให้ทหารทนนิ่งเฉยอยู่ไม่ไหว

เสียงเรียกร้องจากกลุ่ม 40 ส.ว. และนักวิชาการค่ายเสื้อเหลือง ออกมากระทุ้งเตือนให้รัฐบาล "ยุบสภา" นั่นเท่ากับเป็นเกมนำไปสู่ความปั่นป่วนชุดใหม่ และมีโอกาสเป็น เกมเดิมๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ออกมา "บอยคอต" เลือกตั้ง ย่อมนำพาให้สถานการณ์เลวร้าย จนสังคมเกิดกลียุคได้ง่ายๆ

รัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยอาจประเมินสถานการณ์ถูก แม้เชื่องช้า แต่กลยุทธ์สู้แบบ "นิ่งเฉย" อยากยึดให้ยึด ไม่สลายด้วยความรุนแรง บ่งบอกถึงความล้มเหลวของอำนาจรัฐได้อย่างแจ้งชัด

หนทางของวิกฤติสังคมครั้งนี้จะยุติอย่างไร ยังมืดมนอยู่ จะจบลงในสิ้นเดือนพฤศจิกายนตามสุเทพข่มขู่ หรือยาวออกไปจากนั้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการยื้อของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น

แน่นอน การยื้อนั้นล้วนสะท้อนถึง "ทางแพร่ง" ระหว่าง "ยุบสภากับล้มประชาธิปไตย" เพราะการสู้ของรัฐบาลมีเป้าหมายผ่อนคลายความรุนแรงของม็อบสุเทพให้ลดลง เพื่อเปิดโอกาสเจรจาอย่างสันติ

ขณะเดียวกันก็ตรึงกำลังแนวร่วมประชาธิปไตยต่อเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เพื่อต้านยันท่าทีของทหาร ซึ่งมิอาจล่วงรู้ความในใจแบบนิ่งเฉยนั้นได้

ถึงที่สุด การตัดสินของรัฐบาลบนหนทาง "ยุบสภา" ต้องมั่นใจว่า รักษาประชาธิปไตยไว้ได้ และการเลือกตั้งทำให้เกิด ความรอมชอมในสังคม

หากผลีผลามยุบสภาท่ามกลางแรงต่อต้านรุนแรง โอกาสจุดจบประชาธิปไตยย่อมมาถึง แล้วสภาประชาชนรูปแบบใดย่อม เผยโฉมเป็นคำตอบได้กระจ่างชัดขึ้น


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ