ยุบสภาเป็นทางออก

วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ยุบสภาเป็นทางออก


จากสถานการณ์ความวุ่นวายของบ้านเมืองในขณะนี้ ทำให้หลายฝ่ายพยายามหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ โดยเฉพาะนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้ออกบทความเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ว่า

ผมได้เคยแสดงความเห็นไว้ ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2556 ไม่นาน หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งมีผลในการล้มล้างความผิดต่างๆ รวม ทั้งการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน และการคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะประเด็น หลังที่ทำให้เกิดปฏิกริยาในวงกว้างจากผู้ที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลอยู่ก่อนแล้ว โดยเสนอว่าขอให้รัฐบาลรีบเรียกศรัทธากลับคืนมาโดยกำหนดมาตรการต่อต้านคอร์รัปชั่นให้ชัดเจน เป็นรูปธรรม และเตือนว่า หากรัฐบาล ไม่ดำเนินการอะไร ปล่อยให้ความขัดแย้งขยายต่อไปก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ ผมยังเสนอต่อไปว่า หาก สถานการณ์ลุกลาม ผมอยากให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา ซึ่งเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่งตามกระบวนการ ประชาธิปไตย

ท่ามกลางความขัดแย้งทาง การเมืองที่ทวีความรุนแรงจนเริ่มมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ตลอดจนท่าทีของแกนนำผู้ชุมนุม ซึ่งต้องการ ยกระดับการเคลื่อนไหวให้สูงขึ้น จนสุ่มเสี่ยงที่จะออกนอกหลักการประชาธิปไตยมากขึ้นทุกที ผมยิ่งเห็น ว่า การยุบสภาเป็นทางออกที่เหมาะสม ที่สุดในเวลานี้

จริงอยู่การยุบสภาจะไม่สามารถ แก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ดำรงอยู่มากว่า 10 ปีได้ แต่ การยุบสภาก็จะทำให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งทำให้พรรคการเมืองต่างๆ ต้องกลับไปหาเสียงกับประชาชนอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยยุติหรืออย่างน้อยลดความขัดแย้งบนท้องถนนไว้ชั่วคราว นอกจากนี้ การยุบสภาน่าจะช่วยปรับ อารมณ์ของประชาชนให้กลับสู่ปรกติมากขึ้น แทนที่จะเผชิญหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตายว่าจะต้องแพ้ชนะกันใน ไม่กี่วัน

ที่สำคัญ ผมเชื่อว่าการยุบสภาจะ ช่วยให้เราสามารถรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ได้ โดยหลีกเลี่ยงการรัฐประหาร หรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดย อาศัยอำนาจนอกระบบอื่นๆ ตลอดจน หลีกเลี่ยงการนองเลือด ซึ่งอาจพัฒนาไปสู่สงครามกลางเมือง

เดิมผมเคยเสนอว่า ก่อนยุบสภา ฝ่ายต่างๆ ควรตกลงกันเพื่อให้มีกติกาในการแข่งขันในสนามเลือกตั้ง ซึ่งจะไม่ทำลายระบบการเมืองและเศรษฐกิจ ไทยในระยะยาว แต่พอมาถึงจุดนี้ ผมสนับสนุนข้อเสนอของอาจารย์อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ ที่อยากให้มีการยุบสภาโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ เพราะผมเห็นว่าสถานการณ์ได้ล่วงเลยเกินกว่าที่เราจะมีเวลามาตกลงในเรื่องใหญ่ๆ กันแล้ว

การยุบสภาเป็นกลไกสำคัญในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ซึ่งไม่มีในระบอบประธานาธิบดี ผมเคยศึกษาพบว่า มีการวิจัยทางรัฐศาสตร์ที่ชี้ว่า ในบรรดาประเทศประชาธิปไตยเกิดใหม่ ประเทศในระบอบรัฐสภามีโอกาสอยู่รอดเป็นประชาธิปไตยต่อไปมากกว่าประเทศในระบอบประธานาธิบดี แต่นักรัฐศาสตร์ยังไม่สามารถสรุปเหตุผลที่แน่ชัดของปรากฏการณ์ดังกล่าว ผมสันนิษฐานว่าความสามารถ ในการใช้ประโยชน์จากกลไกต่างๆ ในการลดความขัดแย้ง รวมทั้งการยุบสภา น่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ประเทศในระบอบรัฐสภาสามารถรักษาความเป็นประชาธิปไตยต่อไปไว้ได้

ที่ผ่านมา คนไทยขัดแย้งกันมามาก เพราะความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องการให้ความสำคัญต่อประชาธิปไตย ซึ่งเน้นการปกครองด้วยเสียงข้างมากผ่านการเลือกตั้ง และนิติรัฐ ซึ่งเน้นการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ อันที่จริง เราไม่น่าจะต้องถูกบังคับให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างประชาธิปไตย และนิติรัฐ เพราะทั้งสองอย่าง ต่างสนับสนุนซึ่งกันและกัน ผมไม่เชื่อว่า เราจะสามารถสร้างประชาธิปไตยได้โดยไม่มีนิติรัฐ เช่นเดียวกับที่เราจะไม่สามารถสร้างนิติรัฐโดยไม่มีประชาธิปไตย แต่การจะตกลงกันในรูปธรรมว่า ควรมีกลไกในระบอบประชาธิปไตยอย่างไร ที่สามารถสร้างการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐในบริบทของประเทศไทย น่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย ที่เราจะสามารถหาคำตอบได้ในไม่กี่วัน แต่ต้องอาศัยการ เรียนรู้ของทุกฝ่ายในสังคมอีกพอสมควร การกำหนดเป้าหมายว่าจะต้อง แพ้ชนะกันในไม่กี่วัน จึงไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงและเป็นอันตรายมาก

สังคมไทยควรช่วยกันป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งทางการเมืองพัฒนาไปสู่การนองเลือด หรือสงครามกลางเมือง ซึ่งจะสร้างบาดแผลให้ประเทศไทยมากกว่า และฟื้นฟูประเทศกลับมาได้ยากกว่าวิกฤติเศรษฐกิจที่เคยเกิด ขึ้น ผมเชื่อว่า การยุบสภาเป็นทาง ออกที่ตรงไปตรงมาที่สุดในเวลานี้ ในการรักษาระบอบประชาธิปไตยและป้องกันการสูญเสียที่จะสร้างความแตกแยกระหว่างคนไทยไปอีกนาน


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ