ฝ่าวิกฤติ! ดินเค็มอีสาน ชูโมเดล "เมืองเพีย"

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ฝ่าวิกฤติ! ดินเค็มอีสาน ชูโมเดล


ประเทศไทยประสบปัญหาดินเค็มกว่า 21 ล้านไร่ ส่วนใหญ่จะพบในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรืออีสาน ถึง 17.81 ล้านไร่ ในพื้นที่ 18 จังหวัด 94 อำเภอ จากพื้นที่ของภาคอีสานทั้งหมด 107 ล้านไร่ และในจำนวนนี้มีพื้นที่ดินเค็มมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ จ.นครราชสีมา จ.ร้อยเอ็ด จ.สกลนคร จ.มหา สารคาม และ จ.ขอนแก่น ในส่วนของ จ.ขอนแก่น กินพื้นที่ 1,989,476 ไร่ ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาไม่สามารถจะเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรได้ บางพื้นที่ยอมทิ้งที่ทำกินจนกลายเป็นพื้นที่ร้าง และเกิดความแห้งแล้ง
จากปัญหาเหล่านี้ทำให้หน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะกรมพัฒนาที่ดิน พยายามหาแนวทางในการแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ปรากฏว่าในบางพื้นที่สามารถแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง จากเดิมที่เกษตรกรไม่สามารถปลูกพืชผลทางการเกาตรได้เลย หรือได้เพียงเล็กน้อยจนสามารถปลูกได้ แต่การแก้ปัญหาของกรมพัฒนาที่ดินต้องได้รับความร่วมมือจากเกษตรกรในพื้นที่ด้วย ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ การแก้ปัญหาที่ได้ผลคือโครงการปลูกต้นไม้ทนเค็มเพื่อป้องกันการแพร่กระจายดินเค็มในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง ชี มูล ที่บ้านเมืองเพีย ต.เมืองเพีย อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น มีสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 5 เป็นผู้รับผิดชอบ ทำให้วันนี้ในพื้นที่รอบๆ โครงการพบว่าเกษตรกรสามารถปลูกพืชผลทางการเกษตรได้มากขึ้นถึง 3 เท่าตัว
นายอนุสรณ์ จันทนโรจน์ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า ในพื้นที่เมืองเพีย เป็นพื้นที่มีเกลือจำนวนมาก ไม่สามารถปลูก อะไรได้ แม้จะได้บ้างเพียงเล็กน้อยไม่คุ้มกับการลงทุน ทางกรมพัฒนาที่ดินจึงทำโครงการปลูกต้นไม้ทนเค็มเพื่อป้องกันการแพร่กระจายดินเค็มในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง ชี มูลขึ้นมา แม้ที่ จ.ขอนแก่น จะมีพื้นที่ดินเค็มน้อยกว่า แต่มีระดับความรุนแรงของดินเค็มมากกว่าพื้นที่อื่น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีมาตรการแก้ไขปัญหาดินเค็มอย่างเร่งด่วน
สำหรับทุ่งเมืองเพีย ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 768,000 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ในเขตหมู่บ้านดู่ใหญ่ บ้านดู่โพธิ์ตาก บ้านขามเรียนและบ้านเมืองเพีย ตำบลเมืองเพีย อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ทุ่งเมืองเพียเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาด้านดินเค็มอย่างรุนแรง ทำให้เกษตรกรไม่สามารถ ใช้ประโยชน์พื้นที่เพื่อการเพาะปลูกได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ในพื้นที่ดังกล่าวยังมีน้ำซับที่เป็นน้ำเค็มไหลออกมาจากน้ำใต้ดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่เป็นที่นาซึ่งไม่สามารถปลูกข้าวได้ตามปกติและทำให้ผลผลิตข้าวเสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ น้ำเค็มดังกล่าวยังไหลลงไปตามที่ลุ่มปะปนกับแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ทำให้พื้นที่ทำนาและแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่น้ำเค็มไหลผ่าน มีสภาพเป็นดินเค็มและขยายวงกว้างเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ในปัจจุบันนี้มีหน่วยงานราชการได้ดำเนินการขุดลอกคลองน้ำตามธรรมชาติ เพื่อระบายน้ำเค็มออกจากพื้นที่ทุ่งเมืองเพีย แต่การดำเนินการดังกล่าวไม่สามารถระบายน้ำที่เค็มซึ่งมีอยู่เป็นปริมาณมากได้หมด ทำให้น้ำเค็มยังคงอยู่ในพื้นที่ ไม่สามารถระบายไปตามธรรมชาติได้และยังสามารถแพร่กระจายออกไปยังบริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย
ดังนั้น กรมฯ จึงมีนโยบายแก้ปัญหาดินเค็มแบบบูรณาการ โดยจะเร่งฟื้นฟูพื้นที่ดินเค็มด้วยการจัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ และปลูกไม้ยืนต้นเศรษฐกิจบนคันนา ควบคุมระดับน้ำใต้ดินเค็มทั้งผิวดินและใต้ดิน มีการปลูกไม้เศรษฐกิจโตเร็วบนคันนา เช่น ยูคาลิปตัส โสนแอฟริกัน ซึ่งเป็นพืชที่ใช้น้ำมาก สามารถช่วยควบคุมปริมาณน้ำเค็มไม่ให้กระจายขึ้นมาบนดิน ปรับรูปแปลงนา วางระบบระบายน้ำและควบคุมน้ำใต้ดินเค็ม เพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่ดินเค็มและป้องกันการแพร่กระจายดินเค็ม โดยใช้วิธีการที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนและลงทุนน้อย และเพื่อพัฒนาการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ดินเค็มให้มีศักยภาพ สามารถปลูกพืชเพื่อรักษาสภาพแวดล้อม เพิ่มผลผลิตพืชเพื่อการบริโภคและผลิตเป็นพืชเศรษฐกิจ
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า จากผลการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมายังทำได้ในปริมาณที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับปัญหาที่ยังรอการแก้ไข ดังนั้น การพัฒนาของกรมฯ เพียงฝ่ายเดียวคงไม่ประสบความสำเร็จ ต้องได้รับความร่วมมือจากเกษตรกรโดยเฉพาะหมอดินอาสาที่กระจายอยู่ทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เคยประสบปัญหามาก่อน และสามารถแก้ไขจนประสบความสำเร็จเป็นจุดเรียนรู้เพื่อถ่ายทอดให้กับเกษตรกรทั่วไปให้มีพื้นที่เพื่อทำการเพาะปลูกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น "โครงการปลูกไม้ยืนต้นทนเค็มเพื่อป้องกันการแพร่กระจายดินเค็มในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง ชี มูล" ซึ่งเป็นโครงการที่ส่วนวิชาการเพื่อการพัฒนา ที่ดิน สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 5 เข้าไปดำเนินการเพื่อช่วยแก้ปัญหาดินเค็มให้กับเกษตรกรในพื้นที่ทุ่งเมืองเพีย อำเภอบ้านไผ่ อำเภอโนนศิลาและอำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น ที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาดินเค็มได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้เกษตรกรในพื้นที่กินดีอยู่ดี และจากความสำเร็จดังกล่าวนี้ เราจะนำมาเป็นต้นแบบเพื่อขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ต่อไป


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ