Toggle navigation
วันอาทิตย์ ที่ 22 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ประเทศไทยอยู่ตรงไหน? ในประชาคมอาเซียน!
ประเทศไทยอยู่ตรงไหน? ในประชาคมอาเซียน!
วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556
Tweet
อีกปีเศษๆ เราจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในขณะที่เรากำลังเล่นกีฬาสี เพื่อนๆ เรากำลัง ทำอะไรอยู่หนอ??
"เมียนมาร์" หรือพม่าที่เราเรียกกัน กำลังสนุกสนานอยู่กับกีฬาซีเกมส์ที่ "กรุงเนปิดอว์" การเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาระดับสากลสักรายการถือว่าเป็นการโชว์ศักยภาพ ความพร้อมของประเทศเจ้าภาพว่าพร้อมในด้านต่างๆ โดยเฉพาะครั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า "สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์" ตั้งใจจะใช้งานนี้เพื่อแสดงความพร้อมในการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนานาอารยประเทศเข้ามาลงทุน
"เวียดนาม" ต้องสะอึกเมื่อเห็นข่าวประเทศ "สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม" ลุกขึ้นมาประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อ เตรียมความพร้อมเป็นผู้นำเศรษฐกิจอาเซียน อย่างการปฏิรูปเศรษฐกิจ ดอยเหม่ย ถือเป็น "หลักไมล์" สำคัญในการเปลี่ยนเวียดนามจากระบบเศรษฐกิจที่วางแผนโดย ส่วนกลาง ไปสู่การใช้ระบบเศรษฐกิจแบบกลไกตลาดมากขึ้น ลดบทบาทภาครัฐ เพิ่มบทบาทภาคเอกชน และมุ่งสู่แนวทางเสรีนิยม ทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศที่พร้อมจะสวมบทบาทป๋าดัน ต่อยอด ให้เศรษฐกิจเวียดนามในอนาคตด้วยความ พร้อมในด้านต่างๆ ของเวียดนามเอง
"กัมพูชา" ไม่รู้เหมือนกันว่า "ราชอาณาจักรกัมพูชา" ไปได้สปอนเซอร์รายใหญ่จากไหนถึงขนาดเทกระเป๋าซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มาแบบเต็มสตีม ซึ่งก็คงไม่พ้นพี่ใหญ่ลายมังกรเป็นแน่ งานนี้กัมพูชาอนุมัติ งบประมาณด้านการทหาร 468 ล้านเหรียญ สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17% คิดเป็น 14% ของงบประมาณทั้งหมด รายการสินค้าที่สั่งมาเพิ่มในคลังแสงก็มีประมาณ เครื่องบินลำเลียง Harbin Y-12 ยานพาหนะทางทหาร เรือตรวจการณ์ อู่ลอยน้ำ (Floating dock) จรวดหลายลำกล้อง Type 81 และอาวุธปล่อยต่อต้านอากาศ ยานแบบพกพา HN-5 รวมถึงรถถังหลัก T-55 มือสอง และรถลำเลียงพลหุ้มเกราะ BTR-60 จากยูเครน ซึ่งงานนี้มีอยู่บางราย การที่กองทัพไทยเห็นแล้วยังน้ำลายไหล แต่ที่สำคัญพี่แกไม่ได้ไปฝึกซ้อมอาวุธกันที่ไหนไกล ก็อยู่แถวชายแดนติดบ้านเรานี่เอง ???..เอ๊ะยังไงล่ะพญาละแวกเกลอเก่า!!!...
"สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว" แม้ตอนนี้จะยังสบายดีหลวงพระบาง แต่ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ตื่นตัวในเรื่องของการศึกษา ด้วยว่าต้องลำบากมานานทำให้ความมุ่งมั่นของนักศึกษาที่นี่มีสูงมาก โดยเฉพราะนักศึกษาแพทย์ที่มาเรียนที่เมืองไทย พร้อมทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังตื่นตัวและมีแนวโน้มที่จะไปได้สวยเนื่องจากยังไม่ช้ำ!!..
จะว่าไปหากมองแบบจินตนาการมัน จะเห็นเป็นภาพ เพื่อนบ้านต่างเหลียวมาชายตามองเราแล้วยิ้มเย้ยๆ พร้อมสบถว่า "เฮ๊ะ..ไทย!!"
กลับมามองประเทศไทย..เราทำอะไรหรือ??
สิ่งที่มวลมหาประชาชนเรียกร้องคือ สภาประชาชนจะเป็นผู้คัดเลือกคนดีที่ไม่ใช่ คนของพรรคการเมืองใดขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบเป็นคณะรัฐมนตรีชั่วคราว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 7 รัฐบาล ประชาชนจะเร่งรัดปฏิบัติงาน
"มาตรา 7 ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"
นายกฯ พระราชทานตามมาตรา 7 แห่งรัฐธรรมนูญฯ ได้กลายมาเป็นข้อเสนอ ให้กับความขัดแย้งทางการเมืองอีกครั้งตาม คำเรียกร้องของผู้นำมวลมหาประชาชน
ทั้งนี้ การเรียกร้องให้มี "นายกฯ พระราชทาน" ได้มีคำอธิบายว่าเป็นสิ่งที่พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจที่จะกระทำได้ โดยการอ้างอิงถึงการแต่งตั้งนาย สัญญา ธรรมศักดิ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายก รัฐมนตรีภายหลังจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เมื่อจอมพลถนอม กิตติขจร ได้ลาออกตำแหน่ง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงแต่งตั้งนายสัญญา ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งในภายหลังได้มีการเรียกขานกันทั่วไปว่านายสัญญาเป็น "นายกฯ พระราชทาน"
ซึ่งในการตั้งนายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2516 นั้น ไม่ถือเป็นประเพณีได้ เพราะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หากเป็นประเพณีการปกครองใน ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ก็ต้องเกิดการแต่งตั้งนายก รัฐมนตรีพระราชทานหลายครั้งหรือเกิดอย่างสม่ำเสมอจนเป็นปกติวิสัยจึงจะเรียก ว่าเป็นประเพณีได้
โดยรวมๆ แล้วไม่ว่าจะมองในแง่ไหน ก็เหมือนการนำประเทศถอยหลังกลับไปสู่ยุคเริ่มต้น ในขณะที่คนอื่นก้าวเดินไปข้างหน้า และการทำประชามติที่ "เอกนัฏ พร้อมพันธุ์" บอกว่าเป็นการดูถูกประชาชน อันนี้ ก็ดูแปลกๆ เพราะอีกหลายต่อหลายคนที่ไม่ได้ออกมาแสดงพลังร่วมด้วยในครั้งนี้ก็เป็นประชาชนเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ???
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ