Toggle navigation
วันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
วาง 4 กลยุทธ์ดึงราคายาง ชสยท. ตั้งเป้าลดผลผลิต 2.7 ล้านตัน
วาง 4 กลยุทธ์ดึงราคายาง ชสยท. ตั้งเป้าลดผลผลิต 2.7 ล้านตัน
วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
Tweet
ความร่วมมือระหว่างไทยและมาเลเซีย ในการจัดตั้งเมืองอุตสาหกรรมยาง หรือรับเบอร์ซิตี้ ที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยมาเลเซียจะพัฒนาพื้นที่ในเมืองโกตาปูตรา รัฐเกดะห์ ส่วนไทยจะลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมยางพาราที่ อ.นาทวี จ.สงขลา บนเนื้อที่ 6,000 ไร่ มูลค่ารวมการลงทุนกว่า 100,000 ล้านบาท โดยผลที่จะได้รับจากความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศ จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้ยางอีกไม่ต่ำกว่า 200,000 ตัน นี่คือการ ขับเคลื่อนในนโยบายของรัฐบาลไทย เพื่อสานต่อเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางยางพาราของโลก "ไทยแลนด์ เวิลด์ รับเบอร์ ฮับ" โดยมีองค์ ประกอบจากการที่ไทยมีวัตถุดิบมากที่สุดในโลกหรือส่งออกมากที่สุด
นั่นก็คือ จะมีผลผลิตเฉลี่ยกว่าปีละ 3.1-3.6 ล้านตัน และส่งออก 2.7-3.0 ล้านตัน เป็นความต่อเนื่องด้านหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการจัดงาน "วันยางพาราอาเซียน" ที่จ.ภูเก็ต เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และสาระสำคัญนอกจากการเป็นเวทีความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเพาะปลูกยางพาราจากประเทศผู้ผลิตยางพาราทั้ง 10 ประเทศแล้ว ยังเป็นการลงนามความร่วมมือด้านต่างๆ รวมถึงการผลักดันให้เกิด "รับเบอร์ซิตี้" ในอีกทางหนึ่ง
จากความเคลื่อนไหวดังกล่าว อาจจะให้ภาพในความร่วมมือของประเทศผู้ผลิตยางพาราที่มีบทบาทในตลาดโลก ถึงกระนั้น มติอย่างเป็นทางการของชาวสวนยางพาราภาคใต้และภาคตะวันออก ในนามของชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสยท.) ได้นำเสนอแนวทางเป็นของตัวเองต่อการแก้ไขปัญหาราคายางพาราต่ำตกและยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมติของที่ประชุม ณ ที่ทำการของ ชสยท. ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คือการเลือกที่จะพึ่งพาตนเองเป็นหลักและใช้รัฐเป็นรอง ทั้งนี้ ในส่วนของเกษตรกรจะดำเนินการ 4 มาตรการ คือ 1.ลดปริมาณการผลิตยางพาราธรรมชาติลง 50% ในครึ่งปีหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคมนี้ โดยคาดการณ์ถึงผลผลิตที่จะลดลงรวม 2.7 ล้านตัน
2.เลื่อนการเปิดกรีดยางในฤดูกาลนี้ไปเป็นเริ่มกรีดพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งจะทำให้ปริมาณยางหายไปจากระบบ 250,000 ตัน 3.ให้ตลาดประมูลยางของสำนักงานสงเคราะห์ การทำสวนยาง (สกย.) ที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศกว่า 200 แห่ง ปิดตลาดทั้งหมด และเริ่มเปิดดำเนินการอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นต้นไป เพื่อลดปริมาณยางออกสู่ตลาด และ 4.ให้สถาบันเกษตรกรที่ส่งยางเข้าประมูลในตลาดกลางยางพาราทั่วประเทศ 5 ตลาด ได้แก่ ตลาดกลางสงขลา นคร-ศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี หนองคายและบุรีรัมย์ หยุดส่งยางเข้าประมูลและให้ส่งอีกครั้งวันที่ 1 กรกฎาคม เป็นต้นไป
ขณะที่มาตรการของชสยท. ต้องการให้รัฐสนับสนุน ประกอบด้วยให้รัฐหยุดนโยบายแทรกแซงราคา เพราะ 1 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่ากระบวนการนี้ล้มเหลว แต่ให้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรที่ลดปริมาณการผลิตยางธรรมชาติ โดยการปล่อยเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยให้เกษตรกรผ่านสถาบันเกษตรกร เพื่อใช้ในการดำรงชีวิต โดยมีระยะเวลาจนกว่าวิกฤติราคายางจะคลี่คลาย ให้รัฐสนับสนุนสถาบันเกษตรกรที่มีความพร้อม ในการก่อสร้างโรงงานแปรรูป และสนับ สนุนเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการ และให้รัฐจัดให้มีการสร้างโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับการใช้ยางธรรมชาติของเกษตรกรในราคาถูก ขณะเดียว กันรัฐบาลควรที่จะผลักดันให้เกิดการจัดตั้งโรงงานผลิตยางรถแห่งชาติ เพราะเชื่อว่านี่คือทางออกของการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตที่ลดลงได้อย่างยั่งยืน
"มติดังกล่าวจะดำเนินการพร้อมกัน เพื่อลดปริมาณยางให้ออกสู่ตลาดให้น้อยลงและเป็นการแข่งขันกับผู้ซื้อในตลาดโลกโดยตรง ซึ่งในส่วนของชสยท. เห็นตรงกันว่า จะไม่ใช้มาตรการชุมนุมประท้วง เพราะไม่ใช่ทางออกของปัญหา แต่จะใช้วิธีรวมตัวกันของชาวสวนยางพารา เพื่อกำหนดแนวทางด้วยตัวเอง" เพิก เลิศวังพง ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย กล่าวขยายความ
ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันภาคการผลิต ไทยจะมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อื่นๆ เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม ส่วนการส่งออกมีต้นทุนสูงและมีตลาดแคบ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งที่สำคัญ คือ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ระบบตลาดที่ยังไม่เอื้อต่อการส่งออก และไม่สามารถกำหนดราคายางในตลาดโลกได้ กับการใช้ยางเพื่อแปรรูปในประเทศยังมีข้อจำกัด และมีอัตราการขยายตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ไทยต้องพึ่งพาตลาดส่งออกเป็นหลัก และอยู่ในสถานะเสียเปรียบประเทศคู่แข่ง สำหรับต้นทุนการผลิตยางของเกษตรกรชาวสวนยางนั้น มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากประสิทธิภาพการผลิตยางของเกษตรกรต่ำและการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
กรมชลประทานติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร...
...
ดัชมิลล์ ผนึกกำลัง กรมส่งเสริมสหกรณ์ จัด...
...
จัดยิ่งใหญ่ AIHEF 2025 พร้อมปักหมุดสมุนไ...
...
"ยันม่าร์" สานต่อความยิ่งใหญ่ จัดงาน “YA...
...
“คต. เปิดมหกรรมสินค้าเกษตรนวัตกรรม AGRI ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ