เอกชนหนุนชาวนาปลูกถั่ว เพิ่มรายได้-ฟื้นผืนนา

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เอกชนหนุนชาวนาปลูกถั่ว เพิ่มรายได้-ฟื้นผืนนา


ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนทีมข่าวเกษตรสยามธุรกิจก็ไม่ได้ย่อท้อต่ออากาศที่จะไปหาข่าวดีๆ มานำเสนอ ซึ่งในฉบับนี้ก็ได้ มีโอกาสร่วมเดินทางไปกับ 3 องค์กรเอกชน ได้แก่ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท กรีนสปอต จำกัด และสมาคม ผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว เพื่อไปร่วม งาน "โครงการส่งเสริมการปลูกถั่วเหลืองหลังการเก็บเกี่ยวข้าวในภาคอีสาน" ณ บ้านลาน ตำบลจำปาโมง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในภาคอีสาน ให้สามารถ หารายได้ในช่วงฤดูแล้งที่ไม่สามารถทำนาได้ โดยส่งเสริมให้ปลูกพืชทางเลือก ได้แก่ ถั่วเหลือง ซึ่งมีการดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2553 และปัจจุบันมีเกษตรกรในภาคอีสานเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น 13 กลุ่ม ใน 6 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี, ขอนแก่น, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี, สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ซึ่งภายใน งานมีการสาธิตปลูกถั่วเหลืองอย่างครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการปลูกไปจนถึงเก็บเกี่ยว และคัดแยกเมล็ดเพื่อส่งตลาดรับซื้อผลผลิต ดังนั้น จึงทำให้งานนี้ดูแน่นขนัดไปด้วยเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมชมงานจนแทบจะไม่มีที่เดินเลยทีเดียว
และในการเดินทางไปครั้งนี้ ทางทีมงานฯ ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับตัวแทนทั้ง 3 องค์กรเอกชนเกี่ยวกับการสนับสนุนในครั้งนี้ โดยเริ่มจาก "นายโอภาศ ธันวารชร" กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า "ทั้ง 3 องค์กรมีแนวคิดร่วมกัน คือ ต้องการสนับสนุนและผลักดันโครงการ ส่งเสริมการปลูกถั่วเหลืองหลังการเก็บเกี่ยว ข้าว ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยให้เกษตรกรไทย เล็งเห็นความสำคัญของการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยในพื้นที่นาหลังการเก็บเกี่ยวข้าว ที่ไม่ได้ใช้พื้นที่ปลูกพืชอื่น ซึ่งนอกจากช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรแล้ว ถั่วเหลืองยังเป็นพืชที่ช่วยปรับปรุงสภาพดินในแปลงนา ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตให้แก่เกษตรกร"
"โครงการฯ นี้เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 จนถึงปัจจุบัน มีพื้นที่ปลูกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, สุรินทร์ และบุรีรัมย์ มีกลุ่มเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ จำนวน 13 กลุ่ม คิดเป็นพื้นที่ปลูกประมาณ 12,000 ไร่ ส่วน ในฤดูกาลปลูก 2556/2557 คาดว่าจะขยาย พื้นที่ปลูกทั้งในจังหวัดเดิมและขยายเพิ่มอีก 4 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ หนองบัวลำภู ในส่วนของการส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ นอกจากการอบรมให้ความรู้คำแนะนำในด้านวิธีการปลูก การเลือกใช้เครื่องจักรกลการเกษตรที่เหมาะสมช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตแล้ว ยังรวมไปถึงการวางแผนด้านตลาดรองรับผลผลิตโดยมี บจ.กรีนสปอต ผู้ผลิตน้ำนมถั่วเหลือง และสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าวรับซื้อผลผลิต ทั้งหมดในราคาที่เป็นธรรม"
มาถึงบรรทัดนี้ "นายโอภาศ" ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า "นอกจากความร่วมมือ ของ 3 องค์กรภาคเอกชนแล้ว ยังได้รับการ สนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมส่งเสริมการเกษตร ทั้งในด้านการจัดหา เมล็ดพันธุ์คุณภาพดี การสนับสนุนด้านวิชาการ รวมทั้งนักวิชาการมาอบรมให้ความรู้ และคำแนะนำ ทำให้การดำเนินโครงการสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ แต่จากการดำเนินงานที่ผ่านมาเกษตรกรบางกลุ่มยังไม่ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการฯ เนื่อง จากยังกังวลกับตลาดรับซื้อ ซึ่งการจัดงานส่งเสริมการปลูกถั่วเหลืองอย่างครบวงจรครั้งนี้ มีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างความมั่นใจ ให้แก่เกษตรกรในการจัดหาตลาดรับซื้อผลผลิตถั่วเหลืองของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งหลังการจัดงานในวันนี้ คาดว่า จะสร้างความเชื่อมั่นแก่เกษตรกรผู้สนใจเข้าร่วมโครงการได้มากขึ้น เนื่องจากเกษตรกร จะได้รับการสนับสนุนอย่างครบวงจรและเป็นรูปธรรม และในส่วนของสยามคูโบต้า เรามีความพร้อมในด้านเครื่องจักรกลการ เกษตรอย่างครบวงจร ที่จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เพิ่มประสิทธิภาพงาน พร้อมให้ คำแนะนำพี่น้องเกษตรกร"
ด้าน "นายธรรมศักดิ์ จิตติมาพร" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรีนสปอต จำกัด ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม น้ำนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ กล่าวว่า "ปัจจุบัน คนไทยตระหนักถึงการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพ ถั่วเหลืองก็เป็นพืชที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสามารถนำมาแปรรูป ได้หลากหลาย คนไทยจึงนิยมบริโภคน้ำนมถั่วเหลืองกันมากขึ้น และยังมีคนไทยจำนวน มากที่ไม่สามารถบริโภคนมวัวได้เนื่องจากมีการแพ้ ตลาดถั่วเหลืองจึงมีการเติบโต และ มีความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ปริมาณการเพาะปลูกถั่วเหลืองในประเทศ ไทยยังไม่เพียงพอ กรีนสปอตจึงได้เข้าร่วมจัดโครงการส่งเสริมการปลูกถั่วเหลืองหลังการเก็บเกี่ยวข้าว โดยทำหน้าที่ในการเข้าไปรับซื้อถั่วเหลืองที่คัดแล้วได้เกรดตามมาตรฐานของไวตามิ้ลค์ทั้งหมด ส่วนเกรดที่ไวตามิ้ลค์ไม่สามารถรับซื้อ ก็จะมีสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าวเข้ามารับซื้อ เพื่อนำไปแปรรูปเป็นน้ำมันถั่วเหลือง ดังนั้น เกษตรกรจึงหมดห่วงปัญหา ในเรื่องตลาดของการรับซื้อถั่วเหลืองได้อย่างแน่นอน"
และปิดท้ายกันที่ "นายวิชิต วิทยฐานกรณ์" นายกสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว เปิดเผยว่า "เนื่องจาก ประเทศไทยมีเกษตรกรปลูกถั่วเหลือง ค่อนข้างน้อย มีผลผลิตเพียง 2 แสนเมตริกตัน ทำให้ต้องมีการนำเข้าถั่วเหลืองจากต่างประเทศมากกว่า 2 ล้านเมตรตริกตัน คิดเป็นมูลค่านำเข้าทั้งในรูปของเมล็ดและกากถั่วเหลืองมากกว่า 67,000 ล้านบาท/ปี การที่สมาคมฯ เข้าร่วมส่งเสริมการปลูกถั่วเหลืองหลังการเก็บเกี่ยวข้าวนั้น เพราะ สมาคมฯ เปรียบเสมือนตลาดในการรับซื้อถั่วเหลืองทั้งหมดจากเกษตรกร โดยหลังจาก การคัดแยกเกรดเพื่อส่งขายให้กับไวตามิ้ลค์ แล้ว ถั่วเหลืองที่เหลือทั้งหมด สมาคมฯ จะ เป็นผู้รับซื้อเพื่อนำมาสกัดเป็นน้ำมันถั่วเหลือง สำหรับในเรื่องของราคาการรับซื้อนั้นเมล็ด ที่เกรดดีจะมีราคาที่สูงขึ้น ส่วนเกรดที่ต่ำลงมาจะได้ตามราคาที่รัฐบาลรับซื้อ"
"นายวิชิต" กล่าวทิ้งท้ายว่า "โครงการ ส่งเสริมการปลูกถั่วเหลืองหลังการเก็บเกี่ยวข้าว" เกิดจากพื้นที่เกษตรกรรมในภาค อีสานส่วนใหญ่สามารถทำนาได้เพียงปีละครั้ง เพราะปัญหาขาดแคลนน้ำ จึงมีเกษตรกร จำนวนไม่น้อยต้องปล่อยที่นาทิ้งว่างเปล่า ด้วยเหตุนี้ สยามคูโบต้า กรีนสปอต สมาคม ผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว จึงเล็งเห็น ความสำคัญในการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยนอกฤดูกาลทำนาปรัง ถั่วเหลืองซึ่งเป็นพืชที่ใช้น้ำเพียง 1 ใน 4 ของการปลูกข้าวนาปรัง ดังนั้น ถั่วเหลืองจึงเป็นพืชทางเลือกที่สำคัญ ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร แล้ว ยังเป็นพืชบำรุงดิน นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยลดการนำเข้าถั่วเหลืองจากต่างประเทศ โดยปี 2555 ประเทศไทยนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง ซึ่งสูงถึงกว่า 67,000 ล้านบาท/ปี”
หากเกษตรกรกลุ่มใดสนใจเข้าร่วม โครงการฯ สามารถติดต่อหน่วยงานโครงการ CSR สยามคูโบต้า โทร.08-9925-7245 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.siamkubota.co.th


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ