สภาเกษตรกรแห่งชาติ นำโดยนายสิทธิพร จริยพงศ์ รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ คนที่ 2 พร้อมคณะประธานสภาเกษตรกรจังหวัด เดินทางยื่นข้อเสนอการแก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มน้ำมันตกต่ำ ต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รับหนังสือแทนที่ทำเนียบ รัฐบาล
หลังยื่นข้อเสนอนายสิทธิพร กล่าวว่าขณะนี้สถานการณ์ราคาผลปาล์มน้ำมัน ตกต่ำ ราคาขายหน้าโรงสกัดน้ำมันดิบกิโลกรัมละ 2.50-2.80 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิต เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก และพยายามเคลื่อนไหวให้รัฐบาลช่วยเหลือ เกษตรกรชาวสวนปาล์มจากกลุ่มองค์กรที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ ได้แก่ สมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งประเทศไทย สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร และเกษตรกร รายย่อย ได้แจ้งความเดือดร้อนมายังสภาเกษตรกรจังหวัด และสภาเกษตรกรแห่งชาติ ในฐานะที่สภาเกษตรกรแห่งชาติมีบทบาทหน้าที่เป็นกลไกในการสื่อสารกับรัฐบาล จึงได้รวบรวมประเด็นปัญหาพร้อมนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันตกต่ำดังกล่าวในที่ประชุมสภาเกษตรกรแห่งชาติเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 ที่ผ่านมา พร้อมจัดทำข้อเสนอที่เป็นประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับปาล์มน้ำมัน ดังนี้
1.ขอให้ยกเลิกการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันรอบที่ 2 และเสนอให้ภาครัฐยึดถือทะเบียนเกษตรกรที่มีอยู่แล้วจากรายงานจำนวนครัวเรือนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มจากฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ของกรมส่งเสริมการเกษตรในรอบแรกเป็นหลัก โดยพิจารณาการช่วยเหลือผลผลิตของเกษตรกรทุกรายตามทะเบียนเกษตรกรดังกล่าว ไม่ว่าจะมีพื้นที่ปลูกเท่าใด รายละไม่เกิน 50 ไร่
2.ขอให้รัฐทบทวนมาตรการในการแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันในปัจจุบัน และขอเสนอแนวทางให้รัฐพิจารณาช่วยเหลือชดเชยส่วนต่างราคาให้เกษตรกรโดยตรง เพื่อให้เกษตรกรได้รับราคาผลปาล์มในอัตรากิโลกรัมละ 4 บาท ที่ 17% ตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ส่วนราคาน้ำมันปาล์มให้เป็นไปตามกลไกตลาดเพื่อให้โรงสกัดน้ำมันปาล์ม และโรงกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ ซึ่งอาจจะช่วยให้การส่งออกเป็นไปได้มากขึ้น
3.ขอให้ชดเชยส่วนต่างราคาปาล์มน้ำมัน โดยผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เพื่อให้ถึงมือเกษตรกรทุกรายโดยตรง
4.ขอให้เร่งดำเนินการนโยบายด้านพลังงาน เพื่อใช้น้ำมันปาล์มภายในประเทศมากขึ้น โดยเพิ่มการผลิตไบโอดีเซล จากชนิด B5 เป็น B7 และผลิตชนิด B10 เพื่อใช้กับเครื่อง จักรกลการเกษตร รวมทั้งสนับสนุนการใช้น้ำมันปาล์มทดแทนน้ำมันเตาเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
5.ขอให้กำหนดนโยบายเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างยั่งยืนแทนการแก้ไขปัญหาด้านราคา ปลายเหตุ โดยสนับสนุนลดต้นทุนปัจจัยการผลิตในการปลูกปาล์ม เช่น ค่าพันธุ์ปาล์ม ค่าปุ๋ย และอื่นๆ และ 6.ขอให้ควบคุมการนำเข้ารวมทั้งเข้มงวดป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ปาล์มที่เกิดจากการสกัดน้ำมันปาล์มทุกชนิด
ด้านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อเสนอเรื่องการชดเชยส่วนต่างราคาปาล์มน้ำมัน จะต้องนำไปพิจารณาก่อนส่วนข้อเสนออื่นๆ รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่าง การดำเนินการแก้ไขปัญหา เช่น การผลักดันให้มีการผลิตไบโอดีเซล การผลักดันการส่งออก มาตรการการนำเข้าปาล์มน้ำมัน ซึ่งคิดว่า แนวทางที่รัฐบาลดำเนินการ คือ โครงการรับจำนำ กับแนวทางที่ทางสภาเกษตรกรแห่งชาติรับปัญหาจากพี่น้องเกษตรกรมาเสนอเรื่องการชดเชยราคาส่วนต่าง จะมีการนำมาพิจารณาเปรียบเทียบกัน โดยมอบให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานรีบหาข้อสรุป และออกมาตรการ ช่วยเหลือโดยเร่งด่วน