กรมส่งเสริมสหกรณ์ต่อยอดธุรกิจจำหน่ายเมล็ดกาแฟให้สหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟจังหวัดชุมพร จำกัด มอบเงินอุดหนุนสำหรับสร้างโกดังเก็บผลผลิตวงเงิน 7.2 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการเก็บรวบรวมและรักษาผลผลิตเมล็ดกาแฟที่สมาชิกนำมาส่งมอบให้สหกรณ์ก่อนจำหน่ายแก่บริษัทเอกชน หวังต่อยอดธุรกิจจำหน่ายกาแฟของสหกรณ์และแก้ปัญหาเรื่องราคาผลผลิตตกต่ำได้อย่างยั่งยืน
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวระหว่างการเป็นประธานในพิธีเปิดโกดังเก็บสต็อกกาแฟสารของสหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟจังหวัด ชุมพร จำกัด ว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สนับสนุนงบประมาณวงเงิน 7.2 ล้านบาท และทางสหกรณ์ได้สมทบเพิ่มอีกจำนวน 800,000 บาท เพื่อจัดสร้างโกดังเก็บสต็อกกาแฟสารขนาด 500 ตัน เพื่อสหกรณ์ได้ใช้ประโยชน์สำหรับเป็นสถานที่เก็บและรวบรวมกาแฟสารจากสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกสหกรณ์ 978 คน พื้นที่เพาะปลูกกาแฟกระจายอยู่ทั่วจังหวัดชุมพร ในพื้นที่ 8 อำเภอ โดยในปีการผลิต 2554/2555 สหกรณ์ได้ดำเนินธุรกิจรวบรวมกาแฟสารจากสมาชิกได้จำนวน 1,974 ตัน มูลค่า 148 ล้านบาท ปีการผลิต 2555/2556 ได้รวบรวมกาแฟสารแล้ว 928 ตัน มูลค่า 67 ล้านบาท
ทั้งนี้เกษตรกรชาวสวนกาแฟในจังหวัดชุมพรและจังหวัดใกล้เคียงต้องประสบกับปัญหาเรื่องราคาผลผลิตกาแฟตกต่ำ แต่เมื่อได้มีการรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์ และมีการจัดการแบบเครือข่าย ช่วยเหลือกันระหว่างสหกรณ์ ก็สามารถช่วยเหลือเกษตรกรซึ่งเป็นสมา-ชิกขายผลผลิตเมล็ดกาแฟได้ในราคาที่สูงขึ้น และเกิดเสถียรภาพด้านราคาที่มั่นคง สหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟจังหวัดชุมพร จำกัด เป็นสหกรณ์ขนาดเล็ก ที่มีการดำเนินธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ด้วยความตั้งใจ และความร่วมมือกันของทุกฝ่าย ทั้งคณะกรรมการ ฝ่ายจัดการและสมาชิก ทำให้สหกรณ์สามาถผ่านพ้นปัญหาอุปสรรคต่างๆ ได้ด้วยดี
แต่ที่ผ่านมา สหกรณ์ก็ยังขาดแคลนอุปกรณ์ด้านการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่สำหรับเก็บรวบรวมเมล็ดกาแฟ จึงเป็นจุด อ่อนในธุรกิจรวบรวมกาแฟของสหกรณ์ ที่จะต้องรีบนำผลผลิตที่รวบรวมได้ออกมาขาย เพราะไม่มีสถานที่เก็บรักษา ทำให้ถูกบริษัทเอกชนกดราคามาโดยตลอด ดังนั้น การสร้างโกดังเก็บเมล็ดกาแฟจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะต้องเก็บรักษาผลผลิตของสมาชิกรอการจำหน่ายเพื่อให้ได้ราคาเหมาะสม ฉะนั้น โกดังเก็บสต็อก กาแฟจึงเป็นจุดเริ่มต้นและต่อยอดธุรกิจของสหกรณ์ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น
"สิ่งที่อยากเห็นคือความสำเร็จและความเจริญก้าวหน้าของสหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟ เพื่อเป็นตัวอย่างที่แสดงให้สหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศได้เห็นว่า ถ้าสหกรณ์มีความมุ่งมั่นที่จะพึ่งพาตนเองและรู้จักหาทางแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ภาคราชการก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง ซึ่งการทำงานของกรมฯต่อไปนี้จะทำงานใกล้ชิดกับสหกรณ์ให้มากที่สุด และก้าวเดินไปพร้อมๆ กัน พร้อมทั้งคาดหวังว่าโกดังเก็บกาแฟสารจะช่วยต่อยอดธุรกิจให้สหกรณ์และก่อให้เกิดการพัฒนาธุรกิจจำหน่ายกาแฟของสหกรณ์ยิ่งขึ้นในอนาคต เพื่อเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการจำหน่ายกาแฟอันดับหนึ่งของโลก และเป็นประเทศสมาชิกอาเซียน เมื่อถึงปี 2558 จะก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทุกประเทศจะเปิดเสรีทั้งในเรื่องระบบภาษี ระบบการค้าขายผ่านแดน ที่ไม่มีข้อกำหนดใดมากีดกัน ดังนั้นสหกรณ์ชาว สวนกาแฟต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับตัวเองและเครือข่ายสหกรณ์ชาวสวนกาแฟด้วยกัน เพื่อพร้อมที่จะต่อสู้ทางธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศในอาเซียนด้วยกัน" อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว