ประมงจัดนิทรรศการสี่ภาคหวังให้ความรู้รับมือโลกร้อน

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ประมงจัดนิทรรศการสี่ภาคหวังให้ความรู้รับมือโลกร้อน


ประสบปัญหาทั้งน้ำแล้ง ทั้งน้ำท่วม รวมไปถึงโรคระบาดในสัตว์น้ำ ทำเอาเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำหรือชาวประมงต่างรู้สึกท้อถอยกับอาชีพประมงที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น หลายหน่วยงาน ต่างพยายามหาช่องทางให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น และหาหนทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้อย่างยั่งยืน กรมประมง ในฐานะหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาจึงพยายาม หาหนทางให้ความช่วยเหลือ
ล่าสุด ทีมข่าวเกษตร-สยามธุรกิจ ทราบข่าวว่ากรมประมงจะจัดนิทรรศการประมง 4 ภาค โดยหวังให้ชาวประมงได้รับ ความรู้เพื่อรับมือผลกระทบสภาวะโลกร้อน เพื่อสู้วิกฤติน้ำท่วม ฝนแล้ง โรคระบาดสัตว์ น้ำ เราจึงได้ขออนุญาตเข้าพูดคุยกับคุณศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อสอบถามถึงที่มาที่ไปของการจัดงานในครั้งนี้
คุณศิริวัฒน์ กล่าวว่า "ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงสภาวะโลกร้อนและประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ประเทศประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ภายในปี 2558 ย่อมส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่ประกอบอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำถึง 592,000 รายโดยตรง เกษตรกรเหล่านี้จะต้องปรับตัวให้สามารถอยู่ในภูมิภาคนี้ได้และไม่เสียเปรียบ ดังนั้น กรมประมงในฐานะหน่วยงานภาครัฐ มีหน้าที่ที่ต้องให้ความรู้แก่เกษตรกร เพื่อปรับตัวรองรับความเปลี่ยนแปลงของโลกทางเศรษฐกิจ จึงได้จัดงานให้ความรู้แก่เกษตรกรในหัวข้อ "ประมงไทย รับรู้ สู้ภัยพิบัติ ยืนหยัดสู่อาเซียน" โดยเป็นการจัดนิทรรศการพร้อมกันทั่วประเทศ 4 ภาค"
"สำหรับสถานที่ที่จัดนิทรรศการแต่ละภาคมีดังนี้ ภาคกลางจัดระหว่างวันที่ 9-10 พฤษภาคม 2556 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จังหวัดฉะเชิงเทรา, ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 14-15 พฤษภาคม 2556 ณ โรงแรมวังใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 21- 22 พฤษภาคม 2556 ณ โรงแรมพูลแมน ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น และภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 29-30 พฤษภาคม 2556 ณ โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ จังหวัดเชียงใหม่"
เมื่อเล่าถึงสถานที่จัดงานในแต่ละภาคเรียบร้อยแล้ว เราได้ถามถึงจุดเด่นของ นิทรรศการที่จะเกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร ซึ่งสิ่งคุณศิริวัฒน์ได้เล่าให้ฟังนั้นน่าสนใจไม่น้อย
"สำหรับไฮไลต์ภายในงานได้จัดให้มีนิทรรศการแสดงพันธุ์ปลาท้องถิ่นหายาก หรือสัตว์น้ำเศรษฐกิจประจำถิ่น อาทิ จังหวัด ขอนแก่น มีการจัดแสดงปลาสวายและปลา พรมหัวเหม็น, จังหวัดเชียงใหม่จัดแสดง ปลาเทร้า และปลาสเตอร์เจี้ยน, จังหวัด ฉะเชิงเทราและสุราษฎร์ธานี มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการแสดงสัตว์น้ำมีชีวิต (Touch Pool) และการจัดแสดงสัตว์น้ำชายฝั่งสวยงามมีชีวิต อาทิ ปลิงทะเล ปลา การ์ตูน และหอยมือเสือ อีกทั้งเรายังเสริมสร้างความรู้ให้เกษตรกรในด้านการป้องกัน และรักษาโรคสัตว์น้ำชายฝั่ง เช่น โรคตายด่วน (EMS) ในกุ้งทะเล เพื่อให้เกษตรกรได้เตรียมความพร้อมในการป้องกันให้เลี้ยง กุ้งทะเลปลอดจากโรคระบาด หรือเกิดความ เสียหายจากโรคระบาดได้ โดยภายในงานจะ มีการรับสมัครประมงอาสาที่มีความรู้ด้านการประมง เพื่อสร้างแกนนำและผู้ประสาน งานในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและข่าวสารด้านการประมงให้กับเกษตรกรในชุมชน และระหว่างเกษตรกรกับเจ้าหน้าที่ประมง"
"นอกจากนี้ กรมประมงยังได้จัดให้มีการประชุมสัมมนา และการบรรยายให้ความรู้ด้วย เช่น เรื่อง "ระเบียบการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย" โดยผู้แทนสำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการประมง เรื่อง "บทบาทของประมงอาสา" โดยผู้แทนสำนักงานตรวจราชการกรม ประมง การบรรยายเรื่อง "การเตรียมตัวสู่การเป็น Smart Farmer ของเกษตรกร ประมง" โดยผู้แทนกองแผนงานกรมประมง การเสวนา "พัฒนาเกษตรกรประมงไทยสู้ภัยพิบัติในอนาคต" โดยคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และการเสวนา "เกษตรกรไทยได้อะไรจากการเข้าสู่ AEC" โดยคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมการจัดการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง อาทิ เอ็ม เดอะสตาร์, แหนม-รณเดช, การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน กิจกรรมเล่นเกมชิง ของรางวัล และการจำหน่ายสินค้า OTOP ของดีของเด่นจากผลิตภัณฑ์ด้านการประมง 4 ภูมิภาค"
เมื่อถามถึงวัตถุประสงค์ในการจัดนิทรรศการประมง 4 ภาค นายศิริวัฒน์กล่าว ว่า "สำหรับการจัดนิทรรศการในครั้งนี้ กรมประมงมีวัตถุประสงค์สำคัญ 3 ประการ คือ 1.เตรียมพร้อมในการรับมือจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น ทั้งน้ำท่วม ฝนแล้ง โรคระบาดสัตว์น้ำ ฯลฯ 2.เตรียมความพร้อมสำหรับเกษตรกรและประมงอาสาให้มีความรู้การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน (AEC) และ 3.เสริมสร้างทักษะและศักยภาพของเกษตรกรและประมงอาสาที่สามารถเป็น Smart farmers ซึ่ง 3 วัตถุประสงค์ดังกล่าวสอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบันที่ได้เกิดสภาวะโลกร้อน ทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรม-ชาติเกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ในโลก ในประเทศไทยก็ได้เกิดภัยทางธรรมชาติให้ปรากฏอยู่เป็นนิจ เช่นในปี 2554 ได้เกิดมหาอุทกภัยทั่วประเทศ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เกษตรกรด้านการประมงถึง 132,000 ราย กรมประมงได้ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรเป็นเงินกว่า 6,000 ล้านบาท"
"ทั้งนี้ กรมประมงมีประมงอาสาที่ เป็นเครือข่ายอยู่จำนวน 14,000 ราย บุคลากรเหล่านี้เป็นคนที่ใกล้ชิดกับกรมประมงเป็นอย่างมากเปรียบเสมือนพี่น้องที่คอยให้ความช่วยเหลือ เป็นทั้งผู้ช่วยประมงอำเภอที่ดี ยามเกิดอุทกภัยประมงอาสาเหล่านี้ก็ลงพื้นที่ช่วยสำรวจเกษตรกรที่ประสบภัย และยังประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับด้านประมงให้แก่เกษตรกร ในพื้นที่อีกด้วยปฏิบัติงานโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน ทำด้วยจิตอาสา"
"ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่กรมประมง จะต้องให้ความสำคัญกับลูกค้าของกรมประมง ทั้งเกษตรกรและประมงอาสากว่า 600,000 ราย ให้รับรู้ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น และ รับรู้ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เพื่อจะได้ตั้งรับกับปัญหาที่จะตามมา ประกอบกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการให้เกษตรกรของไทยเป็น สมาร์ท ฟาร์มเมอร์ (Smart farmers) และ เจ้าหน้าที่ของกรมประมงเป็นสมาร์ท ออฟฟิศเซอร์ (Smart officer) ซึ่งทั้งเกษตรกรและบุคลากรของกรมประมง ต้องมีการ ปรับตัวรับรู้สิ่งใหม่ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโลก หรือเป็นกระแสสังคมที่เรียกว่า การ เปลี่ยนแปลงของโลก (Change) ทั้งภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ การเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การส่งเสริมเกษตรกรให้เป็นสมาร์ท ฟาร์เมอร์ (Smart farmers) ไปพร้อมๆ กันนั้น ถือเป็นภารกิจหน้าที่ของกรมประมงที่จะต้องตื่นตัวในการรับมือ ภัยพิบัติและเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่สังคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่กรมประมงต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในปัจจุบัน"


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ