‘สิทธิในการถูกลืม’

วันอังคารที่ 03 มิถุนายน พ.ศ. 2557

‘สิทธิในการถูกลืม’


หมอบ้าน ทนายเมือง : by ธนา เบญจาทิกุล

เพิ่งจบไปกับละครดังเรื่อง “อย่าลืมฉัน” แต่ในทางกลับกันกลับมีคนบางคนที่ “อยากถูกลืม” ในเรื่องที่ไม่อยากให้จดจำ ไม่อยากให้สืบค้นเรื่องราวในอดีต

ในปัจจุบันเทคโนโลยีในการค้นหาข้อมูลในเว็บ เป็นไปได้โดยง่าย สะดวกและรวดเร็ว หากลองค้นหาข้อมูลโดยการพิมพ์ชื่อใครสักคนที่เคยลงประกาศ ลงทะเบียน เคยมีชื่อในข่าวหรือบทความ และข้อมูลนั้นได้ลงทางอินเตอร์เน็ต ข้อมูลเหล่าจะถูกบันทึกไว้ จะปรากฏขึ้นมาให้ทราบทั้งหมด

เช่นนี้เอง จึงมีกรณีที่ชาวชาวสเปน ร้องเรียนว่าเขาเคยถูกยึดบ้านและประกาศขายบ้านของเขาเพื่อนำเงินมาใช้หนี้เพราะประสบปัญหาทางการเงินเมื่อ 16 ปีที่แล้ว ซึ่งในตอนนี้เขาได้กลับมาครอบครองบ้านหลังนั้นแล้ว แต่ยังคงมีประกาศนั้นปรากฏอยู่ในผลจากการค้นหาจากกูเกิล ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว เรื่องนี้จึงไปถึงศาลยุติธรรมสหภาพยุโรป โดยเป็นการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มที่สนับสนุนเสรีภาพในการให้ข้อมูลข่าวสาร กับกลุ่มที่เรียกร้องให้เคารพความเป็นส่วนตัว

ซึ่งศาลยุติธรรมสหภาพยุโรปได้ตัดสินว่า ประชาชนมีสิทธิเรียกร้องให้เว็บค้นหาข้อมูลแก้ไขและลบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตนเองได้ ถ้าหากเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเคยมีส่วนเกี่ยวข้องเพียงแค่ในอดีต โดยเน้นย้ำว่า ปัจเจกบุคคลมีสิทธิสูงสุดในการควบคุมข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง

โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ศาลอาจอนุญาตให้มีการเปิดเผยข้อมูลที่ได้รับการคุ้มครองได้หากเว็บสำหรับค้นหาข้อมูล สามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เปิดเผยออกมานั้นมีประโยชน์ต่อสาธารณะ อย่างไรก็ตาม เป็นธรรมดาจะมีฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินในเรื่องนี้ ในฝ่ายที่เห็นด้วยมองว่า ทุกคนควรมีสิทธิที่จะถูกลืมในเรื่องที่ไม่ต้องการให้คนอื่นขุดคุ้ยจากอินเตอร์เน็ต ในขณะที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยมองว่า ทุกคนควรมีสิทธิและเสรีภาพในการที่รับรู้ข้อมูลข่าวสาร การทราบประวัติของคนบางคนนั้นอาจจะเป็นประโยชน์ในการรับเข้ามาทำงาน ร่วมธุรกิจ การรับเข้ามาเป็นคนในครอบครัว เพื่อนบ้าน ว่าจะต้องระมัดระวังหรือปฏิบัติกับคนคนนั้นอย่างไร การลบประวัติของคนบางคนออกไปจากการสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตนั้น จึงเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสาร

ในเรื่องนี้คล้ายกับกฎหมายของบ้านเราในเรื่องหมิ่นประมาท โดยหากผู้ถูกกล่าวว่าหมิ่นประมาท พิสูจน์ว่าเรื่องนั้นเป็นความจริง ถ้าข้อหาที่ว่าเป็นการหมิ่นประมาทนั้นไม่ใช่การใส่ความในเรื่องส่วนตัว และเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ

และในเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ตามพระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ได้บัญญัติในเรื่องของ “ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล” เอาไว้ว่า หน่วยงานของรัฐที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน จะต้องจัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลเพียงเท่าที่เกี่ยวข้องและจำเป็นเพื่อการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์เท่านั้น โดยข้อมูลส่วนบุคคลเช่น ชื่อ-นามสกุล อายุ เพศ ที่อยู่ หรือ อีเมลแอดเดรส และรายละเอียดการติดต่ออื่นๆ อาทิ สถานที่ทำงาน รายงานทางการแพทย์ ประวัติอาชญากรรมหรือการประวัติการถูกดำเนินคดี ประวัติทางการเงิน เป็นต้น โดยหน่วยงานรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของตนต่อหน่วยงานรัฐแห่งอื่นหรือผู้อื่น โดยปราศจากความยินยอมเป็นหนังสือของเจ้าของข้อมูลที่ให้ไว้ล่วงหน้าหรือในขณะนั้นไม่ได้ เว้นแต่จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของภาครัฐตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้

ทั้งนี้ บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลเกี่ยวกับตน และเมื่อบุคคลนั้นมีคำขอเป็นหนังสือ หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นจะต้องบุคคลนั้นได้ตรวจดูข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตน ถ้าเห็นว่าข้อมูลข่าวสารใดไม่ถูกต้องตามความจริง ให้มีสิทธิยื่นคำขอเป็นหนังสือให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารส่วนนั้นได้

สำหรับกฎหมายที่ควบคุม “ข้อมูลส่วนบุคคล” ที่สามารถค้นหาจากอินเตอร์เน็ต ที่เจ้าของข้อมูลไม่อยากให้เปิดเผยนั้น ยังไม่มีกฎหมายโดยตรงทั้งในประเทศไทยหรือต่างประเทศ แต่การตัดสินของศาลยุติธรรมยุโรปในเรื่อง “สิทธิในการถูกลืม” (right to be forgotten) ในครั้งนี้ น่าจะเป็นบรรทัดฐานในการออกกฎหมายในเรื่องสิทธิข้อมูลของตนเองในอินเตอร์เน็ต ซึ่งจะต้องคำนึงถึงเรื่อง “สิทธิส่วนบุคคล” และ “สิทธิในการรับรู้ข่าว สาร” ต่อไป


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ