หลังจากสหกรณ์ยางจันดี ประสบความสำเร็จในการยกระดับสู่โรงงานมาตรฐานจีเอ็มพี (GMP) ตามด้วยโรงยางอัดก้อนชุมนุมสหกรณ์ตรัง ได้รับมาตรฐานดังกล่าวเป็นแห่งที่ 2 หวังเพิ่มความเชื่อมั่นในระบบคุณภาพแก่ผู้ใช้ยางทั้งภายในและต่างประเทศ ขณะที่เป้าหมายของสถาบันวิจัยยาง ได้เร่งพิจารณาเพิ่มอีก 4 แห่ง หวังรองรับกับความต้องการของตลาด ยางพาราโลก
ปรีดิ์เปรม ทัศนกุล นักวิชาการ เกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยยาง สงขลา กรมวิชาการเกษตร กล่าวถึงสถานการณ์ยางแผ่นรมควันในประเทศไทยในระหว่างเป็นประธานในพิธีมอบใบรับรองคุณภาพการผลิตยางแผ่นรมควันอัดก้อนตามมาตรฐานระบบการจัดการคุณภาพที่ดี (Good Manufacturing Practice : GMP) แก่โรงอัดก้อนยางของชุมนุมสหกรณ์ตรัง จำกัด
จากข้อมูลในปี 2554 สหกรณ์แห่งนี้มีปริมาณการผลิตและส่งออกเป็นอันดับ 2 ของผลผลิตยางธรรมชาติ จากปริมาณการส่งออกยางแผ่นรมควัน 747,284 ตัน ในปี 2554 โดยสามารถทำรายได้เข้าประเทศถึง 115,400 ล้านบาท และยังเป็นสินค้าส่งออกมากเป็นอันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย
"สถาบันวิจัยยางได้ริเริ่มโครงการให้การรับรองคุณภาพการผลิตยางแผ่นรมควันอัดก้อนตามมาตรฐาน GMP มาตั้งแต่ปี 2545 เป็นการส่งเสริมให้โรงอัดก้อนยางสามารถผลิตยางแผ่นรมควันอัดก้อนมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันมีโรงอัดก้อนยางและโกดังเก็บยางขนาด 200 และ 500 ตัน ที่กรมวิชาการเกษตรดำเนินการสร้างจำนวน 146 แห่ง เพื่อเป็นแม่ข่ายที่พร้อม จะนำยางแผ่นรมควันมาอัดก้อน เพื่อมุ่งหวังให้สถาบันเกษตรกรเหล่านั้นรวมตัวกันและสามารถผลิตยางแผ่นรมควันอัดก้อนที่ได้มาตรฐานตามที่สถาบันวิจัยยางกำหนด"
และจากการสำรวจของสถาบันวิจัย ยางในปี 2554 ยังพบว่า มีเพียง 1 โรงเท่านั้นที่ผลิตยางอัดก้อนได้มาตรฐานจีเอ็มพี (GMP) เนื่อง จากขาดเงินทุน หมุนเวียน นอกจากนี้พบปัญหาสำคัญคือคุณภาพยางแผ่นรมควันจากโรงเครือข่ายไม่สม่ำเสมอ กระบวน การผลิตที่ยังไม่ได้มาตรฐาน ผู้ซื้อไม่มีความมั่นใจคุณภาพสินค้าทำให้ไม่สามารถผลิตและส่งออกยาง ไปยังต่างประเทศได้เอง
"สหกรณ์กองทุนสวนยางจันดี จำกัด อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ได้มาตรฐานGMP เป็นโรงแรก เมื่อกรกฎาคม 2555 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดเป็นของชุมนุมสหกรณ์ จังหวัดตรัง จำกัด อ.เมือง จ.ตรัง ขณะนี้เรามีโรงยางแผ่นรมควันมาอัดก้อนมาตร-ฐานจีเอ็มพี (GMP) เพียง 2 โรงเท่านั้น แต่ ยังมีโรงอัดก้อนยางอีก 4 แห่งที่รอการพิจารณาหลังได้ทำหนังสือขอใบรับรองคุณภาพจากสถาบันวิจัยยางประกอบด้วย ชุมนุมสหกรณ์จังหวัดกระบี่ จำกัด บริษัท ศุภาคย์ จำกัด จ.ระยอง สหกรณ์กองทุน สวนยางบ่อทอง จำกัด จ.ชลบุรี และสหกรณ์ตราดยางพารา จำกัด จ.ตราด"
ปรีดิ์เปรม ได้ระบุว่าถึงเกณฑ์ในการ พิจารณา ประกอบด้วย 4 หัวข้อหลัก ได้แก่ 1.การควบคุมคุณภาพกระบวนการผลิต โดยการควบคุมการใช้อุปกรณ์และการคัดคุณภาพตรงตามมาตรฐาน 2.เครื่องมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ในการผลิตโดยประเมินการควบคุมการจัดเก็บและการบำรุงรักษา 3.บุคลากร เน้นการแต่งกายอย่างรัดกุมและวิธีการปฏิบัติงาน และสุดท้ายสถานประกอบการและสุขาภิบาล เน้นความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งโรงอัดก้อนยางต้องได้คะแนนรวมมากกว่าร้อยละ 80
"แต่เงื่อนไขสำคัญคือการใช้วัสดุ อุปกรณ์ และการคัดคุณภาพยางอย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นหัวข้อย่อยที่อยู่ในเกณฑ์ข้อที่ 1 โดยมีคะแนนไม่น้อยกว่า 25 คะแนน จึงจะผ่านการตรวจประเมินและใบรับรองคุณภาพนั้นจะต่ออายุปีต่อปี โดยสถาบันวิจัยยางจะติดตามตรวจประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง/ปีหากไม่ผ่านการตรวจประเมินจะยกเลิกการ รับรอง ทั้งนี้เพื่อรักษามาตรฐานกระบวน การผลิตนั่นเอง"
ด้าน อุทัย ศรีเทพ ประธานชุมนุมสหกรณ์จังหวัดตรัง จำกัด กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันชุมนุมสหกรณ์ตรัง มีสหกรณ์ในเครือข่ายมากกว่า 60 เครือข่าย ที่สามารถ ส่งยางแผ่นรมควันเข้าทำการอัดก้อนได้เฉลี่ยวันละ 20 ตันหรือเฉลี่ยเดือนละ 572 ตัน โดยมีต้นทุนการอัดก้อนกก.ละ 1.00 บาท ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มกก.ละ 3.50 บาท ดังนั้นหากกำลังการผลิตเฉลี่ยเดือนละ 572 ตัน จะมีมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 2,002,000 บาท 
และหลังจากชุมนุมสหกรณ์จังหวัดตรัง เข้าสู่มาตรฐาน GMP มั่นใจว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานให้กับประเทศผู้ใช้ยางได้ เพราะนอกจากช่วยสร้างโอกาสทาง การตลาดให้กับสถาบันเกษตรกรแล้ว ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้ายางพาราและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันพร้อมเสริมสร้างจุดขายให้กับสินค้ายางพาราของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกได้อีกด้วย โดยล่าสุดมีใบสั่งซื้อจากบริษัทผู้ส่งออกในประเทศ ในปริมาณ 100 ตัน/เดือน และเมื่อเร็วๆ นี้มีลูกค้าจากรัสเซียได้มาดูกระบวนการผลิตที่โรงงาน ก็คาดว่า น่าจะมีออเดอร์เข้ามาอีกในเร็วๆ นี้