Toggle navigation
วันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
นายกฯ หวั่นไม้ดอกทรุด แนะอาเซียนต้องช่วยกัน (จบ)
นายกฯ หวั่นไม้ดอกทรุด แนะอาเซียนต้องช่วยกัน (จบ)
วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556
Tweet
จบไปแล้วหนึ่งตอนของการเสวนาเกี่ยวกับธุรกิจการเกษตร โดย 3 กูรูของวงการเกษตรไทย ได้แก่ คุณภูติ ศรีสมุทรนาค นายกสมาคม ส่งเสริมชาวนาไทย คุณทักษ์ ศรี-รัตนโนภาส ผู้อำนวยการด้านโครง การร่วมทุนและการค้าระหว่างประเทศ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด และ คุณอุดม ฐิตวัฒนะสกุล นายก สมาคมไม้ประดับแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานแถลงข่าว "ความคืบหน้าของงาน ISRMAX Asia 2013 และ ISRMAX Horti {amp} Agri Asia 2013 (งานเกษตรเพื่ออุตสาหกรรมเกษตร)" ณ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ
โดยกูรูคนแรกคือ "คุณภูติ ศรีสมุทรนาค" ได้บอกว่าชีวิตของชาวนาปัจจุบันดีกว่าเมื่อก่อนมากอาจจะเป็นเพราะน้ำที่ท่วม ได้ชะล้างสารเคมีที่ตกค้างในท้องนาไปหมด พร้อมกับได้นำเอาตะกอนที่ดีมาด้วยทำให้ผลผลิตข้าวดีขึ้น และการเปิดเสรีทางการค้า ในปี 2558 ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อชาวนา เลยเพราะข้าวหอมมะลิไทยดีที่สุด
ส่วนกูรูคนที่สอง "คุณทักษ์ ศรีรัตนโนภาส" ได้กล่าวถึงสถานการณ์อ้อยในปัจจุบันว่าไทยแพ้ประเทศบราซิลเพียงประเทศเดียวในเรื่องของปริมาณการส่งออก น้ำตาล เราผลัดกันได้ที่ 2 กับออสเตรเลียมาตลอดแต่เมื่อปี 2555 เราได้ที่ 2 เพราะเรามีการพัฒนาวิธีการปลูกอ้อยและชาวไร่อ้อยเก่งถึงแม้ว่าจะมีพื้นที่น้อยแต่ผลผลิตสูง ซึ่งการที่จะให้ได้ผลผลิตสูงนั้นจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาช่วยในการปลูกอ้อย เช่น ระบบน้ำหยด เป็นต้น ทั้งนี้สรุปว่า ถ้าเราจัดการน้ำได้ดี ดินเราดี โดยการจัดการด้วยเทคโนโลยีต่างๆ เราสามารถจะเพิ่มผลผลิตอ้อยได้มากทีเดียว
"คุณทักษ์" ได้เล่าต่อว่า "เมื่อผู้ดำเนิน รายการถามว่าเมื่อเปิดเสรีการค้าในปี 2558 แล้วจะมีผลกระทบหรือไม่" คุณทักษ์ตอบว่า "ต้องเข้าใจก่อนว่าผลผลิตจากอ้อยที่เป็นน้ำตาลนี้เราขายในประเทศ 30 เปอร์เซ็นต์ ส่งออก 70 เปอร์เซ็นต์ นั่นแสดงว่าเราส่งออกเป็นรายได้หลัก ดังนั้น ตลอดมาเราต้อง ปรับตัวเพื่อแข่งกับทั่วโลกอยู่ตลอดเวลา อยากให้เข้าใจด้วยว่าการมองว่าธุรกิจที่เกี่ยว ข้องกับอ้อยนั้นไม่ได้มีเพียงแต่ตัดอ้อยส่งเข้า โรงงานน้ำตาลแล้วผลิตออกมาเป็นน้ำตาลเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นกากน้ำตาลที่เหลือหลังจากการผลิตน้ำตาล ซึ่งเมื่อก่อนกากน้ำตาลเป็นปัญหามากแต่เดี๋ยวนี้นำไปผลิตเป็นเอธานอลเพื่อนำไปผสมกับเบนซินแล้ว จะกลายเป็นน้ำมันก๊าซ โซฮอล์ ส่วนกากอ้อยนำไปเผาระบบสูญญากาศแล้วต้มได้ไอน้ำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าอีก ซึ่งองค์ประเกอบเหล่านี้ล้วนเกี่ยว ข้องกับต้นอ้อยทั้งสิ้น ดังนั้น อย่างไรเสียจะ มีหรือไม่มีการเปิดเสรีทางการค้าในปี 2558 อุตสาหกรรมอ้อยก็ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา"
และกูรูคนสุดท้ายที่แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้คือ "คุณอุดม ฐิตวัฒนะสกุล" นายกสมาคมไม้ประดับแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์ไม้ดอกไม้ประดับในปัจจุบันว่า "เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ธุรกิจไม้ดอกไม้ประดับของเราก็เสียหายหนักเช่นเดียวกับพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ เราเสียหายประมาณ 21,000 ไร่ในเขตพื้นที่ ภาคกลาง ภาพรวมในปี 2555 ต่อเนื่องถึงปี 2556 ช่วงต้นปีนี้อยู่ในสภาพชะลอตัว เพราะต่อเนื่องจากน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 พอน้ำจากไปแล้วชาวสวนไม้ดอกไม้ประดับก็ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่ในปี 2555 ก็พบกับภาวะแล้งหนักอีก เรียกว่าต้นใหม่ยังไม่ทันโต เลยก็ต้องประคองกันไป ส่วนผู้บริโภคหรือผู้ซื้อนั้นก็ลดลง อาจจะเป็นเพราะเขามองว่า ไม้ดอกไม้ประดับเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยไม่ใช่สิ่งจำเป็นเหมือนกับของกิน การขายไม้ดอกไม้ ประดับก็เลยอยู่ในสภาวะชะลอตัว"
"ผมอยากให้มองย้อนไปเมื่อปี 2540 ที่อยู่ในสภาวะฟองสบู่แตกตอนนั้นพวกเราเป็นอย่างไร ตอนนี้คนในกลุ่มประเทศอเมริกา กลุ่มประเทศในยุโรป เขาก็อยู่ในภาวะนั้นเช่นเดียวกัน และที่เหมือนกันก็คือในปี 2540 เราขายไม้ดอกไม้ประดับได้ เพราะเป็นสิ่งที่ ช่วยให้คนคลายทุกข์ เวลาเขาทุกข์ก็จะหันมามองการปลูกไม้ดอกไม้ประดับกันเพิ่มมาก ขึ้น เช่นเดียวกันกลุ่มประเทศยุโรป อเมริกา เรายังสามารถส่งออกไม้ประดับ อย่างต้นงาช้างได้ ต้นไม้ดัดอื่นๆ เราก็ยังส่งไปขายได้อยู่ อย่างกล้วยไม้ตัดดอกเราส่งออกปีหนึ่งๆ เราส่งออกประมาณ 3,000-3,500 ล้านบาทต่อปี"
ก่อนจะจบการเสวนา "คุณอุดม" ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องการเปิดเสรีทาง การค้าในปี 2558 ในมุมมองของนายกสมาคมไม้ประดับแห่งประเทศไทยแล้วเขามองว่า "เราน่าจะเปลี่ยนมุมมองจากคู่แข่งขัน เป็นเพื่อนร่วมธุรกิจ เพราะเป็นการรวมกลุ่ม ของประเทศในอาเซียน เหมือนกับการรวม กลุ่มของเกษตรกรต่างๆ ตามจังหวัดต่างๆ เป็นการรวมตัวเพื่อผลิตสิ่งของพัฒนาไปด้วยกัน เพื่อที่เราจะได้สามารถเพิ่มปริมาณ ในการผลิต เพิ่มศักยภาพในด้านต่างๆ ในการส่งสินค้าในกลุ่มประเทศอาเซียนไปขาย ยังทวีปยุโรป รวมทั้งส่งไปขายในประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
กรมชลประทานติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร...
...
ดัชมิลล์ ผนึกกำลัง กรมส่งเสริมสหกรณ์ จัด...
...
จัดยิ่งใหญ่ AIHEF 2025 พร้อมปักหมุดสมุนไ...
...
"ยันม่าร์" สานต่อความยิ่งใหญ่ จัดงาน “YA...
...
“คต. เปิดมหกรรมสินค้าเกษตรนวัตกรรม AGRI ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ