สหภาพยุโรปยอมปรับลดระดับสุ่มตรวจสารพิษตกค้างในผักกลุ่มกะหล่ำ มะเขือ และถั่วฝักยาว ที่นำเข้าจากไทยจากเดิมที่เคยสุ่มตรวจที่ระดับ 50 เปอร์เซ็นต์ ลดลงเหลือ 20 เปอร์เซ็นต์
การส่งออกผักและผลไม้สดไปยังสหภาพยุโรป (EU) ถือเป็นรายได้ที่สำคัญของประเทศ แต่ที่ผ่านมา มักประสบปัญหาการถูกประเทศคู่ค้าแจ้งเตือนเกี่ยวกับการตรวจพบสารเคมีตกค้าง ในสินค้าเกินค่ามาตรฐาน และการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ด้วย ภายหลังได้รับการแจ้งเตือนกรมวิชาการเกษตรได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างความ เชื่อมั่นให้กับผู้นำเข้า โดยนำมาตรการ ควบคุมพิเศษระบบบัญชีรายชื่อ (Establishment list) มาใช้ควบคุมระบบการ ผลิตสินค้าผักสดเพื่อส่งออกไปยังกลุ่มสหภาพยุโรป ทำให้ปัญหาการตรวจพบสารพิษตกค้างและเชื้อจุลินทรีย์ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่พอใจและทำให้สหภาพยุโรปมั่นใจในสินค้าผักสดไทยมากยิ่งขึ้น
จากความเชื่อมั่นดังกล่าว ส่งผลเมื่อต้นปี 2556 นี้ สหภาพยุโรปยอมปรับลดระดับสุ่มตรวจสารพิษตกค้างในผักกลุ่มกะหล่ำ มะเขือ และถั่วฝักยาวที่นำเข้า จากไทยจากเดิม ที่เคยสุ่มตรวจที่ระดับ 50 เปอร์เซ็นต์ ลดลงเหลือ 20 เปอร์เซ็นต์
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ดำรงค์ จิระสุทัศน์ เล่าว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สหภาพยุโรปได้ทบทวนมาตรการควบคุมสินค้านำเข้าครั้งที่ 11 โดยพิจารณาจากสถิติการตรวจพบปริมาณสารพิษตกค้างและการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ในผักสดไทยที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรป ซึ่งผักสดไทย 3 ชนิด ได้แก่ กะเพรา โหระพา ผักชีไทย มีแนวโน้มการตรวจพบสารพิษตกค้างลดลง ทำให้สหภาพยุโรปพิจารณาปรับลดระดับการกักสุ่มตรวจสารตกค้างในผักทั้ง 3 ชนิดดังกล่าวของไทยจากเดิม 20 เปอร์เซ็นต์เหลือ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ เป็นต้นไป
ปัจจุบันมีสินค้าผักสดไทยที่ถูกสุ่มตรวจเข้มงวดตามข้อกำหนดการนำเข้าของสหภาพยุโรปจำนวน 8 รายการ โดยสหภาพยุโรปได้กำหนดมาตร การสุ่มตรวจ เชื้อจุลินทรีย์ซัลโมเนลลาที่ระดับ 10 เปอร์เซ็นต์ในพืชกลุ่มผักชี กะเพรา โหระพา และสะระแหน่ สุ่มตรวจสารฆ่าแมลงที่ระดับ 10 เปอร์เซ็นต์ในพริก และสุ่มตรวจสารฆ่าแมลงในผักกลุ่มกะหล่ำ มะขือ และถั่วฝักยาวที่ระดับ 20 เปอร์เซ็นต์ จากการที่สหภาพยุโรปปรับลดระดับการสุ่มตรวจสารตกค้างในพืชผักไทยลดลง แสดงให้เห็นว่าการแก้ปัญหาของไทยมีประสิทธิภาพและสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับสหภาพยุโรปได้ เกษตรกรและผู้ประกอบการผลิตและส่งออกพืชผักไปสหภาพยุโรป ต้องระมัด ระวังการผลิตสินค้าพืชผักตั้งแต่ระดับแปลงจนถึงการคัดบรรจุให้เป็นไปตามมาตรฐานของประเทศผู้นำเข้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสหภาพยุโรปจะได้พิจารณาปรับลดระดับการสุ่มตรวจลงเหลือ 5 เปอร์เซ็นต์ซึ่งเป็นระดับปกติของการสุ่มตรวจ ซึ่งจะทำให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าผักสดไปยังสหภาพยุโรปได้คล่องตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ในขณะนี้อียูจะยอมลดระดับการสุ่มตรวจในผักสดไทยแล้วก็ตาม แต่ขอให้ผู้ผลิตและส่งออกมะม่วง ฝรั่ง และชมพู่ ไปยังสหภาพยุโรปเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าเป็นพิเศษด้วย เนื่องจากสหภาพยุโรปมีข้อกังวลเกี่ยวกับหนอนแมลงวันผลไม้ ซึ่งเป็นศัตรูพืชกักกันของสหภาพยุโรปติดไปกับสินค้า
ดังนั้น จึงต้องเร่งป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เนื่องจากหากสหภาพยุโรปตรวจพบหนอนแมลงวันผลไม้ถี่ขึ้นอีก ผลไม้ไทยอาจถูกตรวจสอบเข้มงวดขึ้นอีก และอาจส่งผลกระทบต่อการลดระดับการสุ่มตรวจให้อยู่ในระดับปกติได้