ชาวนามืออาชีพที่อยุธยา

วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

ชาวนามืออาชีพที่อยุธยา


เกษตรกรในนิคมการเกษตร ต.สิงห์นาท อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา แม้ไม่ใช่เกษตรกรวัยหนุ่มสาว แต่ดูแล้วสดใสนัยน์ตามีประกายของความหวัง เพราะชาวบ้านที่นี่ได้ผันตัวเองจากการเป็นผู้รอคอย มาเป็นผู้สร้างโอกาสให้กับตนเอง เพราะ จะเป็นราคาประกันหรือราคารับจำนำจากรัฐบาลไหนก็ตาม แม้ดูว่าเป็นราคาที่สูงแต่ด้วย ต้นทุนการผลิตที่มากเป็นเงาตามตัวทำให้ชาวนาเหลือผลตอบแทนไม่มากนัก ครั้นจะหลบ หลีกไปทำการเกษตรแบบประณีตหรือเกษตรอินทรีย์ กลับพบว่าแรงงานในครัวเรือนได้ห่างหายจากท้องทุ่งไปแล้ว วันนี้คงเหลือแต่แรงงานรับจ้างและเครื่องจักรกลเกษตรรับจ้าง วัฒนธรรมการเกษตรในที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาได้ผันเปลี่ยนไปจากอดีตแล้ว ทุกสิ่งอย่างต้องซื้อหามาในราคาแพง และนี่เองจึงเป็นเหตุให้เกิดการรวมกลุ่มของชาวนา ใน ต.สิงห์นาท ด้วยความมุ่งหวังว่า จะทดลองผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวขึ้นใช้เองเพื่อลดต้นทุน ที่ต้องไปซื้อเมล็ดพันธุ์ในทุกๆ รอบการเพาะปลูก และหากทดลองใช้ด้วยตนเองแล้วดีก็จะขายให้เพื่อนบ้านและชุมชนใกล้เคียงต่อไป
ผ่านไปไม่นานแปลงนากว่า 480 ไร่ จากเพื่อนๆ สมาชิกกลุ่ม 40 คน ก็เริ่มเก็บเกี่ยวได้ รวงข้าวที่สวยงามได้ผ่านขั้นตอนตามกรรมวิธีการผลิตเมล็ดพันธุ์ซึ่งมีนักวิชาการ จากกรมการข้าว และนักวิชาการเกษตรของ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เป็นผู้สนับสนุนชุดความรู้และกระบวนการจัดการ ได้ผลผลิตกว่า 380 ตัน ส่วน หนึ่งผู้ประกอบการได้รับไปจำหน่ายต่อในราคาที่เป็นธรรม และอีกส่วนหนึ่งได้บรรจุถุงภายใต้ตราสินค้าของกลุ่มเองและจำหน่ายในชุมชนได้หมดในเวลาไม่กี่วัน เพราะเกษตรกร ที่มาสั่งซื้อนิยมในคุณภาพและราคา ผลกำไรที่ได้จากการจำหน่ายหลังปันผลให้สมาชิกแล้วกลุ่มได้เก็บไว้เพื่อนำมาปรับปรุงการผลิตและใช้ในการบริหารจัดการต่างๆ แม้ดูจะเป็นแนวทางสมัยใหม่สักหน่อยแต่ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการปรับตัวของชาวนา "เมื่อ ต้นทุนแพงและควบคุมได้ยากก็ต้องหาทางเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตของตนเอง" ทำให้เห็นรายได้ของกลุ่มปีนี้ไม่น้อยเลย มีเงินมาสร้างอาคารสำนักงานของตนเองขนาดย่อมๆ ได้ ทั้งยังจ้างเจ้าหน้าที่ไว้ประจำการทำหน้าที่ต่างๆ ด้วย เห็นว่าจะได้ลดภาระของเจ้าหน้าที่ รัฐลงบ้าง เรียกว่าเริ่ม "อุ้มชูตัวเอง" กันแล้ว และในระหว่างทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้เข้าไปหนุนเสริมกระบวนการค้นหาความรู้ของเจ้าหน้าที่เพื่อ สร้างกลไกภาครัฐให้เกิดการจัดสรรทรัพยากรร่วมกัน มองเป้าหมายเดียวกัน และมีตัวชี้วัดไปที่การยกระดับความรู้และการจัดการของเกษตรกรร่วมกัน คาดว่าความรู้ที่เกิดขึ้น จากโครงการวิจัยนี้จะเป็นเครื่องมือการทำงานใหม่ๆ ด้านการส่งเสริมการเกษตรโดยใช้ วิธีจัดการความรู้ร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่และเกษตรกร เป็นรูปแบบที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่วางแผนให้เกษตรกรทำตาม แต่เป็นเกษตรกรคิดเองและวางแบบแผนของตนเองโดยมี กลไกของรัฐเข้าไปช่วยจัดการความเสี่ยงโดยใช้ความรู้ และเชื่อมโยงทรัพยากรของหน่วยงานต่างๆ ที่มีอยู่เดิมให้เข้ามาทำงานร่วมกันได้
หมายเหตุ : อ้างอิงข้อมูลจากโครงการสร้างและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ หลักสูตร การพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และการติดตามโครงการ วิจัย ร่วมกับหัวหน้าโครงการฯ (รศ.ดร.ชัชรี นฤทุม) ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2556
โดยนายสุวิทย์ ภูมิประเสริฐโชค สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ