Toggle navigation
วันศุกร์ ที่ 6 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
เผยความจริง.. แม่พิมพ์สมเด็จฯ โลหะ (4)
เผยความจริง.. แม่พิมพ์สมเด็จฯ โลหะ (4)
วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556
Tweet
ตอนที่แล้วได้นำภาพพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ ฐานแซม ที่มีการตัดกรอบเป็นแบบสี่เหลี่ยมคางหมู คือ บนกว้างล่างสอบมาให้ชมกันไปแล้ว ฉบับนี้ยังคงพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ฐานแซม แต่เป็นคนละแม่พิมพ์ องค์ของตอนนี้จะเป็นองค์ที่ตัดกรอบแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านบนและด้านล่างเท่ากัน ซึ่งการตัดกรอบจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือสี่เหลี่ยมคาง หมูก็ตาม ได้ทำเป็นแนวร่องไว้แล้วในแม่พิมพ์
การกดแม่พิมพ์ลงบนเนื้อมวลสาร เพื่อให้ติดเป็นรูปองค์พระ เส้นซุ้มและรายละเอียดต่างๆ จะต้อง กดลงบนเนื้อมวลสารที่ทำไว้เป็นแผ่น มีความหนาเท่า กับความหนาของพระที่ต้องการ และแผ่นเนื้อมวล สารนี้ จะวางอยู่บนวัสดุที่รองรับ ซึ่งอาจเป็นไม้กระดาน แผ่นกระเบื้อง กาบหมาก เสื่อ กระสอบ ผ้า ได้ทุกอย่าง เมื่อกดพิมพ์ลงไปแบบการกดตรายาง แรง กดก็จะทำให้เนื้อมวลสารที่เป็นด้านหลังของพระ เป็น รอยไปตามเส้นสายหรือร่องแนวของวัสดุที่นำมารองกดนั้นๆ เราจึงเห็นร่องรอยของด้านหลังองค์พระคล้าย เสี้ยนกระดาน เสื่อ กระสอบ ผ้า กระเบื้อง หลายแบบรูป ซึ่งเป็นที่มาของด้านหลังองค์พระที่เรียกกันว่า หลังกระดาน หลังกาบหมาก หลังเรียบ และหลังสังขยา
นอกจากด้านหลังขององค์พระจะเป็นรอยตามวัสดุที่รองเนื้อมวลสารตอนกดแม่พิมพ์ลงไปแล้ว ความชื้นหรือน้ำในมวลสารในขณะนั้น ก็มีความสำคัญไม่น้อยกว่ากัน เมื่อเรากดแม่พิมพ์ลงบนเนื้อมวลสาร ก็เหมือนกับการบีบน้ำให้ออกไป น้ำมันตังอิ้วที่เป็น "ของผสม" อยู่ในเนื้อมวลสารก็จะถูกบีบให้ออกไป ก็จะไปออกันที่ด้านล่าง คือด้านหลังขององค์พระ และที่ซึ่งเนื้อมวลสารมีความหนาแน่นต่ำ เช่นที่ขอบองค์พระด้านหลังทั้งสี่ด้าน และพื้นที่ตรงกลางองค์พระด้านหลัง เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ด้านหน้าขององค์พระ จะมีเส้นซุ้ม ตัวองค์พระ และฐานนูนขึ้นมา ทำให้ส่วนที่อยู่ด้านหลังซึ่งตรงกัน มีความหนาแน่นต่ำ และน้ำหรือน้ำมันตังอิ้วก็จะไปแทรกตัวอยู่ในส่วนเหล่านี้
ต่อมาเมื่อตัดกรอบและนำพระไปผึ่งให้แห้ง น้ำบางส่วนก็ระเหยออกไป บางส่วนก็ยังคงเหลืออยู่ หลังจากนั้นก็นำมาชุบรักหรือลงรัก ยางรักก็จะไปปิดหรือเคลือบเนื้อมวลสารที่เป็นเนื้อพระทั้งหมด ความชื้นหรือน้ำที่ยังค้างอยู่ในเนื้อมวลสารก็ระเหยออกไม่ได้อีก ต่อมาถ้าพระองค์นี้ไม่ถูกความร้อนสูง น้ำที่อยู่ในเนื้อมวลสารก็จะค่อยๆ รวมตัวกับมวลสารเป็น "สารประกอบ" ใหม่ น้ำจะไม่ระเหยออกอีก เป็นพระประเภท หลังเรียบ และเป็นพระที่มีน้ำหนักดี สำหรับพระที่ลงรักแล้วถูกความร้อนสูง เช่นเอาไปไว้ในกรุที่ถูกความร้อนจัดทั้งวัน น้ำที่ค้างอยู่ในมวลสารก็จะขยายตัว ดันออกมาจากภายในทำให้ผิวของพระตรงที่มีความชื้นอยู่มาก แตกระแหงเพราะน้ำขยายตัวแหกรักที่ปกคลุมอยู่ขึ้นมาเป็นรอยแตก รอยแยกให้เห็น ซึ่งรอยแยกเหล่านี้ก็จะเกิดตรงที่มีน้ำอยู่เยอะ คือที่ซึ่งเนื้อมวลสารมีความหนาแน่นต่ำ ตามขอบทั้งสี่ด้านและตรงกลางของพระด้านหลังดังกล่าวแล้ว ร่องรอยต่างๆ ที่เรียกกันว่า รอยปูไต่ รอยพรุนรูเข็ม รอยหนอนด้น หลังสังขยา เหล่านี้เกิดเพราะน้ำ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ "ตัวแม่พิมพ์" และวิธีสร้างพระทั้งสิ้นครับ
อดุลย์ ฉายอรุณ : โทร.08-1813-1701
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
สังคมอุดมการพนัน By นายหวานเย็น...
...
ประธานาธิบดีพันธุ์หมาบ้า...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ