นักวิชาการชี้ระบบน้ำ วางแผนดีแต่มีข้อจำกัด (จบ)

วันจันทร์ที่ 08 เมษายน พ.ศ. 2556

นักวิชาการชี้ระบบน้ำ วางแผนดีแต่มีข้อจำกัด (จบ)


จบลงไปแล้วหนึ่งตอนกับการพูดคุยกับนักวิชาการใน "การประชุมวิชาการ ABC สัญจรจังหวัดน่าน ครั้งที่ 2 : การจัดการดิน น้ำ ป่า และอาชีพ เพื่อความยั่งยืนและการพัฒนาบนทุนวัฒนธรรม" ซึ่งฉบับที่แล้วค้างไว้ที่ "คุณบุญทวี ทะนันไชย" ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตภัณฑ์ชาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อำเภอศรีนาป่าน-ตาแวน โดยได้อธิบายวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนตำบล เรืองที่มีรายได้ หลักจากการขายเมี่ยงที่กำลังมีรายได้ลดลง และเขาได้กล่าวต่อว่า "ความกังวลใจอันใหญ่หลวงของแกนนำชุมชนที่นี่ก็คือ หากพื้นที่ในป่าไม่มีต้นเมี่ยงอยู่แล้วป่าไม้ก็จะยังคงอยู่หรือไม่ หากลูกหลานปรับเปลี่ยนวิถีการผลิตมาเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ หรือเป็นพืช เชิงเดี่ยวจะทำให้ผืนป่าไม้ใหญ่ ถูกปรับเปลี่ยน เพื่อให้เหมาะกับการเพาะปลูกพืชชนิดใหม่
ซึ่งแน่นอนว่า ป่าไม้ที่เคยอุดมสมบูรณ์จะไม่ มีเหลือให้ลูกหลานได้เห็นป่าต้นน้ำที่มีแม่น้ำ น้อยใหญ่หลากหลายสาขาจะไม่มีน้ำมาหล่อเลี้ยงชีวิตของคนตำบลเรืองอีกต่อไป ดังนั้น แกนนำชุมชนหลายคนได้เริ่มพูดคุย ถกเถียงหารือกันอย่างจริงจังมากขึ้น ถึงแนวทางการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในชุมชน แกนนำชุมชนได้มีการประสาน ความร่วมมือกับหน่วยงานข้างนอก ทั้งภาครัฐ และเอกชน อาทิ องค์การบริหารส่วนตำบลเรือง เกษตรตำบลเรือง มูลนิธิฮักเมือง น่าน และสำนักงานเกษตรจังหวัด เป็นต้น เกิดกลไกความร่วมมือเพื่อบูรณาการข้อมูล และแผนงานร่วมกัน มีการนำข้อมูลมาเป็น เครื่องมือในการพูดคุยกันทำให้เกิดแนวทาง การจัดการใหม่สำหรับวนเกษตรป่าเมี่ยง นั่นคือ การนำยอดเมี่ยงเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นชา ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของการรวม กลุ่มชาวบ้านในการสืบทอดและต่อยอดการ ทำเมี่ยงและการทำชา"
"เนื่องจากเมี่ยงที่บ้านศรีนาป่าน- ตาแวน เป็นชาตระกูลอัสสัม เมื่อนำมาเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นชาแล้วมีรสชาติดี เป็นที่นิยมไม่แพ้ชาชนิดอื่นๆ ที่วางขายในตลาด ทำให้มีหลายหน่วยงานสนใจเข้ามาให้การสนับสนุนทั้งงบประมาณดำเนินการในกลุ่ม และรับซื้อผลิตภัณฑ์ชาจากกลุ่ม ในขณะเดียวกันกับที่ตลาดเมี่ยงอมในชุมชน ก็เริ่มคึกคักขึ้น เนื่องจากมีการปรับราคาขึ้น ตามตลาดของชาทำให้คนที่ยังคงผลิตเมี่ยงอม อยู่ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ปรากฏการณ์ การเคลื่อนไหวของคนในชุมชนและหน่วยงานต่างๆ ส่งผลให้ชุมชนสามารถคงวิถีการ ผลิตเมี่ยงอมแบบดั้งเดิม และเพิ่มมูลค่าเมี่ยง โดยการจัดการใหม่ จากเมี่ยงต่อยอดเป็นชา ทำให้ป่าต้นน้ำที่ตำบลเรืองยังคงมีการดูแลรักษาให้อยู่คู่กับชุมชนตำบลเรืองสืบต่อไป ดังคำที่ว่าเมี่ยงมี ป่ายัง คนอยู่"
เมื่อเล่าความเป็นมาของการอนุรักษ์ป่าให้คงอยู่ควบคู่ไปกับการปลูกเมี่ยงเสร็จสิ้น แล้ว ก็ถึงเวลาเดินเข้าป่าสำรวจการปลูกต้นชาหรือต้นเมี่ยง พร้อมกับการอนุรักษ์ป่า ต้นน้ำ โดยในระหว่างการเดินทางนั้น คุณสำรวย ผัดผล ประธานมูลนิธิฮักเมืองน่าน ได้เล่าถึงปัญหาน้ำไม่เพียงพอต่อการใช้ว่า "ถึงแม้ตำบลเรืองจะมีประวัติศาสตร์การ อนุรักษ์ป่าต้นน้ำมายาวนาน แต่ปัจจุบันก็ยัง มีปัญหาการจัดการน้ำที่ไม่เพียงพอต่อความ ต้องการของชาวบ้าน ทำให้แกนนำชุมชนร่วมกับทางองค์การบริหารส่วนตำบลเรืองและร่วมกับโครงการ วิจัยสร้างข้อมูล ความรู้ และกลไกความร่วมมือเพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันในการฟื้นฟูรักษาป่าต้นน้ำ และการจัดการที่ดินจังหวัดน่าน ที่ได้รับการ สนับสนุนจากสำนักงานสนับสนุนการวิจัยดำเนินการ โดยมูลนิธิฮักเมืองน่าน ทำให้เกิด กลไกความร่วมมือระหว่างชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยมีการสำรวจจัดเก็บ รวบรวมข้อมูลด้านทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งป่า และน้ำ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการที่จะพัฒนาดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในตำบลร่วมกันต่อไป พร้อมกับ ได้จัดตั้งคณะกรรมในแต่ละประเด็นเพื่อให้เกิดความชัดเจน รวดเร็วในการทำงานมาก ขึ้น โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการ เสริมศักยภาพของชุมชนในการจัดการทรัพ-ยากรป่าต้นน้ำและน้ำ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนอย่างยั่งยืน"
"จากเวทีแลกเปลี่ยนของแกนนำในตำบลเรือง พบว่า ถึงแม้จะมีระบบการจัดการ น้ำในชุมชน มีระบบแบ่งปันน้ำในท้องถิ่น มี กติกาและข้อตกลงของชุมชนในการใช้น้ำร่วมกันในพื้นที่แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น การจัดการน้ำยังไม่เป็นธรรม และไม่เพียงพอ ต่อความต้องการของเกษตรกรผู้ใช้น้ำใน ภาคการเกษตร ปัญหาน้ำแล้ง ลำห้วยตื้นเขินมีตะกอน เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก น้ำไหลเร็ว ไม่มีที่กักเก็บ ตลิ่งพัง ข้อเสนอแนะที่เกิดขึ้น จากเวทีในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวคือ การ ขุดลอกลำห้วย ทำจุดกักเก็บน้ำไว้เป็นจุดๆ ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับพื้นที่และปัญหา ดึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั้งเยาวชน ผู้ใช้น้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโครงการ วิจัยฯ ได้ประสานความร่วมมือกับโครงการ แผนจัดการทรัพยากรน้ำในระดับชุมชน ลุ่มน้ำย่อยและลุ่มน้ำสาขาของแม่น้ำน่าน"
"โดยโครงการวิจัยฯ มี รศ.ดร.สมบัติ ชื่นชูกลิ่น ภาควิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ลงพื้นที่ จดการประชุมร่วมกับแกนนำจาก 8 หมู่บ้าน เพื่อทำความเข้าใจสภาพพื้นที่ลุ่มน้ำ และได้ พัฒนาแบบสอบถามข้อมูลพื้นฐานด้านทรัพ-ยากรน้ำระดับพื้นที่โดยเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ ข้อมูลสถานการณ์น้ำ ทำให้กลุ่มแกนนำขับเคลื่อนงานด้านการจัดการน้ำที่ประกอบ ด้วยคณะกรรมการย่อยประเด็นน้ำ เจ้าหน้าที่ อบต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เริ่ม ค้นหาข้อมูลเพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจในการหาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม โดยจัดเวทีแกนนำชุมชนเพื่อสำรวจเก็บข้อมูลผ่านเครื่องมือสำรวจชุมชน ทั้งแผนที่รอบนอก รอบในชุมชน และข้อมูลใช้น้ำในชุมชน
และหลังจากนั้นได้ใช้แบบสอบถามให้แกนนำไปเก็บข้อมูลในเชิงลึก ซึ่งจะทำให้ ได้ข้อมูลที่หลากหลาย และเจาะลึกมากขึ้น ได้แก่ ข้อมูลทั่วไปของชุมชน ข้อมูลแหล่งน้ำ ธรรมชาติ (แม่น้ำ ห้วย คลอง หนอง กุด บึง พื้นที่ชุ่มน้ำ) ข้อมูลแหล่งน้ำที่พัฒนา (อ่างเก็บน้ำ ฝาย ระบบส่งน้ำ สูบน้ำ บ่อบาดาล บ่อน้ำตื้น ประปาชนบท) ข้อมูลสภาวะการใช้น้ำ ข้อมูลปัญหาน้ำท่วม ข้อมูลความต้องการ น้ำ และข้อมูลแผนที่หมู่บ้าน หลังจากที่ได้ข้อมูลแล้วจะนำไปประมวลผล และคืนสู่ชุมชน เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจในการ จัดการน้ำที่เหมาะสมกับพื้นที่ตำบลเรืองต่อไป"
นอกจากนี้ ตลอดระยะทางการเดินสำรวจดูพื้นที่นั้น "คุณบุญทวี" ได้อธิบายถึงการทำการเกษตรแบบคนในพื้นที่นี้ว่า "เราไม่ตัดไม้ในป่า ของในป่าก็เก็บมา ขายได้ ไม้ในป่าจะเอามาใช้ปลูกบ้านก็สามารถทำได้ แต่ต้องแจ้ง คณะกรรมการของเราก่อน แล้วเข้ามาดูพร้อมๆ กัน และให้เหตุผลด้วยว่าจะใช้ไม้ต้นนั้นต้นนี้ไปทำอะไร จากนั้นก็อยู่ที่คณะกรรมการแล้วว่าจะให้ตัดได้ หรือไม่ หรืออย่างไม้ล้มถ้ามีคนไปเห็นแล้วจะนำมาใช้ประโยชน์ ก็ต้องแจ้งคณะกรรมการก่อนเหมือน กัน เราไม่ใช่ว่าจะห้ามไปเสียทั้งหมด เพียงแต่ว่าเรารู้เหตุและผลของการมีป่ากับไม่มีป่า
อย่างต้นเมี่ยงเองก็ต้องอาศัยร่มเงา อาศัยรากของไม้ใหญ่ ในการช่วยให้เติบโต ถ้าไม่ มีไม้ใหญ่ ต้นเมี่ยงก็อาจจะไม่เหลือเช่นเดียวกัน บางคนเขาก็ทำแปลงปลูกข้าวโพด เขาปลูกแบบเป็นไร่ แต่ถ้าไม่มีน้ำก็ปลูกไม่ขึ้น ซึ่งก็จะแบ่งเป็นพื้นที่ไปว่าพื้นที่ส่วนไหนจะไว้ทำอะไรป่าใช้สอยก็คือ ใช้ประโยชน์จากป่าได้ แต่ต้องมีการดูแลควบคุมจากคณะกรรมการ ป่าต้นน้ำจะไปแตะต้องไม่ได้ เพื่อให้มีน้ำอยู่ตลอดแล้วพวก เราก็ทำฝายชะลอน้ำไว้ตลอดเส้นทาง ทำให้ พื้นที่มีความชื้นกระจายไปทั่ว ลักษณะของเราจะเป็นอย่างนี้ ทำให้เราเกษตรกรก็สามารถ ทำการเกษตรได้ ขณะเดียวกันป่าไม้ก็ยังคง อยู่ต่อไป"


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ