Toggle navigation
วันพุธ ที่ 2 กรกฎาคม 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
"สมนึก" แนะปลูกพืชผสมยาสูบเพิ่มรายได้ (จบ)
"สมนึก" แนะปลูกพืชผสมยาสูบเพิ่มรายได้ (จบ)
วันจันทร์ที่ 01 เมษายน พ.ศ. 2556
Tweet
จบไปแล้วหนึ่งตอนสำหรับการสนทนากับ "คุณสมนึก ยิ้มปิ่น" ผู้จัดการสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เล่ย์ ซึ่งฉบับที่แล้ว เราได้พาผู้อ่านไปรู้จักกับข้อมูลพื้นฐานของเกษตรกรตำบลทับผึ้ง อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ที่เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินได้ฟังจากที่ไหนมาก่อนแน่นอน โดยเฉพาะการปลูกต้นยาสูบทำให้ชีวิตของเกษตรกรดีขึ้นมาก ซึ่งเขาได้ถ่ายทอดเรื่องราวได้น่าสนใจมาก โดยเขาได้บอกว่าพื้นที่ของตำบลทับผึ้งมักจะถูกน้ำท่วมบ่อยครั้งทำให้บ้านเรือนรวมถึงข้าวของเครื่องมือเครื่องใช้ถูกน้ำท่วมเสียหาย ซึ่งเกษตรกรคนหนึ่งปลูกยาสูบเนื้อที่ 5-6 ไร่เท่านั้น ก็สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำทำให้ชาวบ้านลืมตาอ้าปากได้ที่เหนือสิ่งอื่นใดเป็น อาชีพที่ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น และนอกจาก นี้ เขาได้บอกถึงวิธีการเพาะกล้าที่เกษตรกร นิยมทำกัน 2 แบบ คือ แบบเพาะยกร่อง และ แบบเพาะในตะกร้า
ฉบับนี้เรากลับมาสนทนาต่อรับรองว่ายังมีสาระที่น่าสนใจเช่นเดิม โดยเฉพาะการปลูกและดูแลรักษาต้นยาสูบ ซึ่งเขาได้เล่าต่อว่า "ขั้นตอนการปลูกยาสูบนั้นเกษตรกร จะรอจนกว่าต้นกล้าแข็งแรงระดับหนึ่ง หรือ มีอายุประมาณ 20-25 วัน จากนั้นก็จะเริ่มทำการย้ายต้นกล้ามาลงปลูกในแปลงดินที่เตรียมไว้ ซึ่งในช่วงย้ายต้นกล้านี้ถ้ามาดูที่แปลงปลูกจะเห็นเลยต่างคนต่างถือคนละถาดเดินเข้าไปปลูกกันเป็นแถวๆ ขั้นตอนนี้ถ้าหากแรงงานในบ้านมีน้อยหรือไม่พอก็จะจ้างคนมาช่วยกันปลูก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการกระจายรายได้ในชุมชนเหมือนกัน ทั้งนี้ ช่วงที่ปลูกส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงปลายเดือน พฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม เป็นช่วงที่ มีสภาพอากาศเย็นและมีความชื้นพอเหมาะ สำหรับการปลูกยาสูบ โดยพื้นที่ 1 ไร่ใช้ต้นกล้าลงปลูกประมาณ 2,800-3,500 ต้น"
"หลังจากเอาต้นกล้าลงแปลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เกษตรกรก็จะเริ่มดูแลต้นกล้า ด้วยการรดน้ำเมื่อปลูกยาสูบลงแปลงทันที โดยการรดน้ำช่วงแรกจะรดน้ำวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกันประมาณ 3-5 วัน ต่อจากนั้นก็จะทิ้งระยะห่างในการรด 3-5 วันต่อครั้ง พอปลูกได้ประมาณ 20-25 วัน ก็จะเปลี่ยนการ รดน้ำเป็นวิธีการปล่อยน้ำเข้าตามร่องแปลง แทน โดยจะให้น้ำไม่เกิน 6 ครั้งแต่ละครั้งห่างกันไม่เกิน 7 วัน"
มาถึงตรงนี้ "คุณสมนึก" ได้บอกถึงการใส่ปุ๋ยเพื่อให้เขาโตสมบูรณ์เต็มที่ใบหนา ได้คุณภาพว่า "ปุ๋ยที่ใส่ให้ต้นยาสูบนั้นจะเป็นปุ๋ยเคมีสูตร 14-9-20 และสูตร 27-0-0 โดยจะใส่ไร่ละ 5 ถุง ถุงละ 50 กิโลกรัม ซึ่งการใส่จะใช้วิธีการหว่านไปตามร่อง และวิธีฝังโดยจะฝังให้ห่างจากต้นยาสูบประมาณ 10 เซนติเมตร ทั้งนี้ การใส่ปุ๋ยจะใส่ประมาณ 3 ครั้ง หลังการปลูกลงดิน และนอกจากนี้ก็ต้องหมั่นดูแลเรื่องโรคและแมลงศัตรูพืชด้วย ซึ่งปัญหาของโรคในต้นยาสูบนั้นจะเป็น โรคใบแก้วและโรคใบด่าง สำหรับแมลงศัตรู ก็จะเป็นพวกแมลงหวี่ขาวและหนอนที่รบกวน การใช้สารป้องกันศัตรูพืชจะใช้ชนิดที่ทางโรงงานยาสูบและผู้ส่งออกควบคุมเท่านั้น เราจะไม่ใช้ยาชนิดอื่นเพราะจะทำให้ขายไม่ได้ราคา"
"หลังจากนำต้นยาสูบลงปลูกไปแล้วประมาณ 60-70 วันก็จะเริ่มเก็บใบได้ ซึ่งการเก็บใบเราจะเริ่มเก็บจากโคนต้นขึ้นมาหายอด โดยครั้งที่ 1 จะเก็บประมาณ 5-6 ใบ จากนั้นจะเว้นประมาณ 10-15 วัน จึงจะ เก็บครั้งที่ 2 ซึ่งก็จะเก็บใบจากโคนต้นขึ้นมา อีกเหมือนกัน เก็บประมาณ 5-6 ใบเหมือนกัน และเว้นประมาณ 10-15 วัน จึงจะเก็บ ครั้งที่ 3 ซึ่งก็จะเก็บวิธีเดิมแต่จะเป็นการเก็บใบที่เหลือทั้งหมดเลย ทั้งนี้ ต้นยาสูบจะสามารถเติบโตได้อีกแต่ขนาดใบจะเล็กไม่ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งถ้าเราปล่อยให้แตกยอดออกไปเรื่อยๆ เมื่อต้นสูงประมาณเอว เราก็จะหักยอดแล้วไม่ให้แตกยอดต่อเพื่อให้ใบที่แตกออกมาแล้วใบใหญ่และหนา ส่วนต้นก็จะเอาไว้เก็บเมล็ดต้นยาสูบไว้สำหรับเพาะพันธุ์ต้นยาสูบในปีต่อไป"
"คุณสมนึก" ได้เล่าต่อว่า "สำหรับขั้นตอนการตากใบยาสูบนั้น เมื่อเราเก็บใบยาสูบมาแล้วเราจะนำใบยาสูบที่ได้ มาเสียบ ใส่ไม้ โดยจะเสียบไม้ละ 10-11 ใบ เสร็จแล้วก็นำขึ้นแขวนผึ่งลมในโรงบ่ม เพราะว่า ใบยาสูบสายพันธุ์เบอร์เล่ย์จะใช้การบ่มแบบ ตากลม โดยจะใช้เวลาในการตากลมประมาณ 1 เดือน ใบยาจะแห้งตลอดทั้งใบ หลังจากนั้นเกษตรกรก็จะนำใบยามาทำความชื้นให้พอดี และนำใบยามามัดเป็นกำ พร้อมบรรจุ เป็นห่อ ห่อละไม่เกิน 70 กิโลกรัม และนำไป ขายให้กับสถานีรับซื้อใบยา หรือผู้ส่งออกใบยาต่อไป ทั้งนี้ ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มเพาะต้นกล้าจนกระทั่งปลูกและเก็บเกี่ยวใบยาเสร็จใช้เวลาประมาณ 4 เดือน"
"รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นบาทต่อไร่ โดยส่งผลผลิตใบยาแห้งให้โรงงานยาสูบซึ่งเขาการันตีไว้ที่เราต้องปลูกได้ 400 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ปกติแล้วพวก เราปลูกได้ใบยาสูบมากกว่า 500 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วราคาปีนี้ (2556) เขาประกันไว้ที่ 67 บาทต่อใบยาสูบ 1 กิโลกรัม ส่วนปีที่แล้ว 60 บาทต่อใบยาสูบ 1 กิโลกรัม ถ้าเฉลี่ยแล้วเราขายให้โรงงานยาสูบได้ประมาณ 65 บาทต่อใบยาสูบ 1 กิโลกรัม"
เขาได้บอกถึงสาเหตุที่ปลูกยาสูบปีละครั้งว่า "ส่วนที่บอกว่าเราปลูกได้ครั้งเดียวต่อปี แม้รายได้จะดีมากก็เพราะว่าในฤดูน้ำหลากนั้นน้ำจะท่วมทั้งหมดทุกแปลง ไม่สามารถปลูกอะไรได้เลย ซึ่งที่เราเห็นว่าเป็นแปลงปลูกต้นยาสูบพอเก็บใบยาสูบเสร็จ แล้ว เกษตรกรก็จะลงมือปลูกข้าวพอปลูกข้าวเสร็จก็จะตรงกับช่วงฤดูน้ำหลากพอดี ทั้งนี้ จึงเห็นได้ว่าในพื้นที่เพาะปลูกต้นยาสูบ จะมีพืชชนิดอื่นปลูกผสมอยู่ด้วย เราไม่ได้ปลูกต้นยาสูบอย่างเดียวแต่จะปลูกพืช หมุนเวียนเพื่อให้มีรายได้พอเลี้ยงชีพ ซึ่งต้นยาสูบสร้างรายได้ให้กับเรามาก"
ก่อนจะจบการสนทนา "คุณสมนึก" ได้ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงการแก้กฎหมายว่า "การที่กระทรวงสาธารณสุข มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาสูบ โดยจะออกกฎหมายตัวใหม่ใช้ชื่อว่า พระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคยาสูบ ซึ่งตนอยากจะถามคนที่เขาออก พ.ร.บ. ตัวนี้ว่า แล้วรายได้ที่พวกเราทำมาหากินกันอย่างสุจริตจะหาจากที่ไหนมาทดแทนได้ ในเมื่อมีทั้งจำกัดการติดต่อพูดคุยระหว่างชาวไร่ยาสูบและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องถามว่าเจ้าหน้าที่ของโรงงานยาสูบคือเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ แล้วห้ามแบบนี้เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพหรือเปล่า เรารู้สึกว่าเราเหมือนโดนสังคมมองว่าเป็นผู้ร้าย ทำให้คนเป็นมะเร็ง แต่ลองดูกันตามจริงคนไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งเหมือนกัน ตรงนี้ตนอยากฝากให้คิดกันบ้าง อย่างพวกผมปลูก ต้นยาสูบกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว และเป็นรายได้หลักที่ทำให้เรามีเงินส่งลูกหลานไปเรียนจนสำเร็จการศึกษา ทำให้เรามีโอกาสดูแลบ้านของเราให้แข็งแรงหลังจาก ผ่านพ้นฤดูน้ำหลาก จะให้พวกเราไปปลูกอย่างอื่นแล้วรายได้จะมีได้เท่านี้หรือ"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
สศก. ร่วมประชุมองค์กรย่อยภายใต้ UNFCCC ณ...
...
สศก. มุ่งพัฒนาข้อมูลเอกภาพด้านการเกษตร ส...
...
สศท.8 เผยผลศึกษาการเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือ...
...
กองทุน FTA อนุมัติงบ 24.98 ล้านบาท หนุนโ...
...
สศท.5 ชูผลสำเร็จ “กลุ่มปลูกกล้วยหอมทองเพ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ