ชาวไร่สุโขทัย แนะวิธีเตรียมกล้ายาสูบ (1)

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

ชาวไร่สุโขทัย แนะวิธีเตรียมกล้ายาสูบ (1)


ทีมข่าวเกษตรสยามธุรกิจได้มีโอกาสได้ไปเยือนไร่ยาสูบพันธุ์เบอร์เล่ย์ ที่ตำบลทับผึ้ง อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย เพื่อดูวิธีการปลูกต้นยาสูบพันธุ์เบอร์เล่ย์ ซึ่งเป็นการร่วมมือของชาวเกษตรกรในพื้นที่โดยรวมตัวกันใช้ชื่อ สมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เล่ย์ และ บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด จำกัด ตามคำเชื้อเชิญของประชาสัมพันธ์ของ บริษัท
ทันทีที่ทางทีมงานฯ เดินทางไปถึง ที่หมาย ก็ได้พบกับ "คุณสมนึก ยิ้มปิ่น" ผู้จัดการสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เล่ย์ ได้รอ ต้อนรับพร้อมด้วยเพื่อนๆ เกษตรกรชาวไร่ยาสูบอีกจำนวนหนึ่ง แล้วหลังจากทักทายกันเป็นที่เรียบร้อย "คุณสมนึก" ได้พาเราไป ยังพื้นที่ปลูกต้นยาสูบของชาวตำบลทับผึ้งซึ่งไม่ไกลนักจากตรงนั้น
เมื่อใกล้จะถึงไร่ปลูกต้นยาสูบก็ทราบ ได้ทันทีเพราะมีกลิ่นลอยมาเข้าจมูก พอถึงไร่ก็ต้องตกตะลึงกับต้นยาสูบที่เกษตรกรปลูกไว้เป็นจำนวนมากมีพื้นที่มองออกไปสุด ลูกหูลูกตาเลยทีเดียว ซึ่งระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับทุ่งไร่นาสูบอยู่นั้นทาง "คุณสมนึก" ได้พูดคุยไปพร้อมกันด้วย โดยเริ่มต้นเล่าถึงความเป็นมาที่หันมาปลูกต้นยาสูบ ว่า "ผมเกิดมาก็เห็นพ่อแม่ปลูกต้นยาสูบมาตลอด ซึ่งได้ปลูกต้นยาสูบขายมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว เรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่ตกทอด กันมารุ่นสู่รุ่น โดยพื้นที่ปลูกต้นยาสูบของผม เองมีประมาณ 6 ไร่เศษ สำหรับจำนวนผู้ปลูก ต้นยาสูบสายพันธุ์เบอร์เล่ย์ของที่ตำบล ทับผึ้งมีประมาณ 31,000 คน ใช้แรงงานใน ไร่ประมาณ 248,000 คน แล้วนอกจากนี้ ยัง มีผู้ที่ต้องพึ่งพิงจากเกษตรไร่ยาสูบอีกประมาณ 358,000 คน ทั้งนี้ ปัจจุบันชาวเกษตรกรที่ปลูกยาสูบของตำบลทับผึ้งพอจะลืมตาอ้าปากได้ก็เพราะใบยาสูบพันธุ์นี้ ซึ่งถือว่าเป็น รายได้หลักของทุกคนเลย แต่ถึงแม้จะเป็นรายได้หลักชาวบ้านก็จะไม่ปลูกกันมาก โดย เกษตรกรคนหนึ่งจะปลูกพื้นที่ 5-6 ไร่ เท่านั้น ซึ่งเรามีพื้นที่พอปลูกให้มีรายได้มาทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น"
ถึงตรงนี้ "คุณสมนึก" ได้อธิบายคำว่าสบายของชาวตำบลทับผึ้งว่า "ในที่นี้ คำว่า สบายขึ้นของพวกเราคือพอที่จะมีส่งลูกเรียน มีเงินซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ในการดำรงชีวิต มีเงินปลูกบ้านใหม่ได้เพราะ เวลาช่วงฤดูที่น้ำหลากพื้นที่ตรงนี้ก็จะถูกน้ำท่วมไปหมด ซึ่งบางปีน้ำท่วมสูงเกือบถึงพื้นบ้านที่ยกสูงเลยทีเดียว"
"สำหรับในการปลูกต้นยาสูบนั้น หนึ่ง ปีจะปลูกได้เพียงครั้งเดียวคือช่วงเดือนตุลาคมของทุกปีไปจนถึงเดือนมีนาคมของปี ถัดไป ซึ่งประมาณกลางเดือนตุลาคมเกษตรกร จะเริ่มเตรียมการเพาะปลูก โดยการเตรียม เมล็ดพันธุ์เพาะนั้นเกษตรกรจะนำเมล็ดพันธุ์ ยาสูบมาห่อผ้าขาวบางแช่น้ำประมาณ 1 คืน พอเสร็จก็เทน้ำทิ้งพร้อมกับแก้ห่อผ้าขาว-บางออก แล้วหมั่นพรมน้ำวันละ 2 ครั้ง ประมาณ 3-5 วัน เมล็ดพันธุ์ก็จะเริ่มงอก ส่วนการเตรียมแปลงเพาะต้นกล้ายาสูบพันธุ์เบอร์เล่ย์ ซึ่งวิธีเพาะกล้าจะนิยมทำได้ 2 แบบคือ แบบเพาะยกร่อง การเตรียมดิน ของเกษตรกรแบบนี้จะใช้รถไถดินจึ้นมาจากนั้นก็จะนำจอบมาสับให้ดินละเอียดป่นร่วนซุยพร้อมยกเป็นร่องไว้ หลังจากนั้นก็จะนำเอาแกลบดำคือแกลบที่ถูกเผาแล้ว หรือแกลบธรรมดามาผสมกับดิน พอเสร็จเกษตรกรจะนำเมล็ดพันธุ์ที่งอกไปโรยในแปลง ที่เตรียมดินไว้ หมั่นรดน้ำเช้ากับเย็น ประมาณ 15 วันก็จะได้ต้นกล้า ส่วนอีกแบบคือ แบบเพาะในตะกร้า การเตรียมดินเกษตรกรจะใช้ ดินสำเร็จรูปที่เรียกว่า คลาสแมนใส่ในตะกร้า ตามความต้องการ จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ที่งอกที่เตรียมไว้มาโรยในตะกร้า พอเสร็จก็ จะหมั่นรดน้ำเช้ากับเย็น ประมาณ 15 วัน ก็จะได้ต้นกล้า"
"คุณสมนึก เล่าถึงขั้นตอนหลังจากได้ ต้นกล้าเล็กๆ มาว่า "หลังจากที่ได้ต้นกล้าเล็กๆ มากแล้วเกษตรกรก็จะนำต้นกล้าที่ได้ จาก 2 วิธีข้างต้น มาชำในภาชนะที่เตรียมไว้ ซึ่งจะเป็นถาดพลาสติก โดย 1 ถาดจะมี หลุมชำ 100 หลุมหรือใช้ใบตาลมาเย็บเป็น วงกลมกว้าง 5 เซนติเมตร หรือที่เกษตรกร เรียกว่า กระทง ภายในถาดพลาสติกหรือกระทงนั้นเกษตรกรจะนำดินผสมแกลบดำใส่ไว้ให้เต็ม จากนั้นนำต้นกล้าที่เตรียมไว้ชำ ลงในวัสดุดังกล่าว พอเสร็จก็จะหมั่นรดน้ำเช้ากับเย็น ประมาณ 20-25 วัน ก็จะได้ต้นกล้า ยาสูบที่ต้องการ ทั้งนี้ วิธีดังกล่าวเกษตรกร นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะเมล็ดใบยาสูบจะ เล็กมากขนาดเท่าเม็ดทรายเลยทีเดียว ซึ่งถ้าใช้วิธีหว่านเราจะไม่เห็น ดังนั้น ใช้วิธีเพาะ ในตะกร้าดีที่สุด"
"อย่างไรก็ตาม ดินที่ในแปลงปลูกเรา ก็ต้องมีการเตรียมด้วยเหมือนกันเพราะดินที่เหมาะกับการปลูกยาสูบเบอร์เล่ย์ต้องมีความอุดมสมบูรณ์สูง เนื้อดินควรเป็นดินร่วน หรือดินร่วนปนทราย สามารถระบายน้ำได้ดี การบำรุงดินก่อนปลูก เราก็ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ย หมัก หรือพวกพืชคลุมดินแล้วไถกลบเป็น ปุ๋ยพืชสด ซึ่งการเตรียมดินในแปลงปลูกนั้น เกษตรกรจะเริ่มเตรียมในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนธันวาคมของทุกปี หลังจากการเก็บเกี่ยว ข้าว เกษตรกรจะนำรถมาไถดะ และไถแปร ประมาณ 4-6 ครั้งต่อไร่ หลังจากนั้นก็จะทำ การไถพรวนจนดินร่วนซุยให้เหมาะสำหรับการเพาะปลูก จากนั้นจะใช้รถไถยกแปลงให้ สูงตามความต้องการของเกษตรกร โดยจะ มีขนาดกว้างประมาณ 1.50-1.60 เมตร ความยาวแล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละ พื้นที่ หลังจากนั้นก็จะขุดหลุมด้วยเครื่องขุดหลุม โดยในแต่ละหลุมจะห่างกันประมาณ 50-60 เซนติเมตร"
เรื่องราวการปลูกยาสูบพันธุ์เบอร์เล่ย์ของ "คุณสมนึก ยิ้มปิ่น" ผู้จัดการสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เล่ย์ยังไม่จบ เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด อย่างไรก็ตาม คอย อ่านต่อในฉบับหน้า รับรองว่าเนื้อหาสาระ ยังเข้มข้นสมกับการรอคอยแน่นอน แล้วพบกัน...


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ