นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า ถึงแม้ในปีที่ผ่านมาจะเป็นปีแห่งความท้าทายจากวิกฤติโควิดก็ตาม แต่ในปี 2564 นี้ แต่ทางเซ็นทรัลพัฒนาคิดบวกและเชื่อมั่นว่า ในวิกฤตยังมีโอกาสในการลงทุนเติบโตไปร่วมกันเสมอ และพร้อมพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตของประเทศ ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจของเซ็นทรัลพัฒนาในปี 2563 ที่ผ่านมายังคงแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม 32,062 ล้านบาท สำหรับปี 2564 นี้ ทางเซ็นทรัลยังคงเดินหน้าเปิดโครงการตามแผนที่วางไว้ทั้งสิ้น คือ 3 บิ๊ก มิกซ์ยูส รวมมูลค่าโครงการกว่า 13,900 ล้านบาท ได้แก่ เซ็นทรัล อยุธยา มูลค่า 6,200 ล้านบาท เปิดให้บริการเดือน 27 ต.ค. 64, เซ็นทรัล ศรีราชา มูลค่า 4,200 ล้านบาท เปิดให้บริการ เดือน 25 ก.ย. 64 และเซ็นทรัล จันทบุรี มูลค่า 3,500 ล้านบาท เปิดให้บริการไตรมาสที่2/2565 เพื่อเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่งเสริมและยกระดับศักยภาพจังหวัด พร้อมดึงความโดดเด่นของอัตลักษณ์ท้องถิ่น และกระจายความเจริญและรายได้ โดยการขยายโครงการครั้งนี้ เราตั้งใจให้เป็นมากกว่าแค่การขยายสาขาศูนย์การค้า โดยได้วาง 3 กลยุทธ์แห่งความสำเร็จ คือ 1) บุกเบิกเมืองด้วยโมเดล Fully-Integrated Mixed-Use Developments ที่แข็งแกร่ง 2) Customer-Centric Design Thinking and Marketing และ 3) Tenant-Centric Business Partnership
“เรามีความเชื่อมั่นอย่างมาวาการยกระดับ 3 เมืองศักยภาพสูง ด้วยโมเดล Fully-Integrated Mixed-Use Developments ครั้งนี้ที่จะเข้าไปเป็นแลนด์มาร์กใหม่ศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และชูอัตลักษณ์ของจังหวัด ยกระดับ Ecosystem ด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเมือง ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Imagining Success Together’ เราคาดว่าช่วยสร้างอัตราการจ้างงานกว่า 10,000 ราย ซึ่งในวิกฤตย่อมมีโอกาสในการลงทุนเสมอ และยังมีอีกหลายแบรนด์ดังมั่นเดินหน้าลงทุน เติบโตไปด้วยกัน ด้วยแผนการตลาดระยะยาวเข้มข้นตรงเป้าจากฐานข้อมูลในเครือกลุ่มเซ็นทรัล ย้ำ ‘กำลังซื้อชัด-ไลฟ์สไตล์ดี-สร้างเสน่ห์ท่องเที่ยว’ พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือผู้เช่าอย่างเป็นรูปธรรมกับ Flexible Leasing Programme ทั้งช่วยเหลือลดภาระผู้เช่า และโอกาสขยายธุรกิจสู่ทำเลศักยภาพ”
นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวต่อว่า เรามั่นใจว่าที่เมืองเศรษฐกิจที่เรากำลังจะขยายไปทั้ง 3 แห่งนั้น ทั้งอยุธยา, ศรีราชา และจันทบุรี ยังมี Retail Gap ที่รอให้เราเข้าไปเติมเต็มได้ ทุกโครงการของเซ็นทรัลพัฒนา เป็นเสมือน Milestone ที่ยกระดับความเจริญ และศักยภาพของเมืองหรือจังหวัดนั้นๆ และเราสร้าง community สร้าง Center of Life ให้กับทุกจังหวัดที่เราไปตั้งอยู่ สำหรับโครงการ“เซ็นทรัล อยุธยา” เราเล็งเห็นว่าเรามีประชากรกลุ่มเป้าหมายกือบ 2,500,000 คน (อยุธยา, อ่างทอง, สิงห์บุรี, ชัยนาท, สุพรรณบุรี) และยังมีประชากรแฝงจากนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำ 5 แห่งกว่า 166,000 คน ซึ่งเป็นบริษัทกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และ Hi-tech โดยมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำกว่า 56 โครงการกว่า 5,700 units อีกทั้งเรามองว่าในช่วง Weekday และ Weekend จะจับกลุ่มคนอยุธยา 85% ที่มีกำลังซื้อแล้ว สำหรับ Weekend ยังเน้นจับกลุ่มสำคัญคือ กลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ อีก 15% โดยอยุธยามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมเยือนมากกว่า 8 ล้านคนในปี 2019 โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 6.2 ล้านคน และต่างชาติ 2.1 ล้านคน) โดยในช่วงแรกในการเปิดให้บริการคาดว่าจะมีคนมาใช้บริการ 3 หมื่นคน/เดือน
ส่วนโครงการ “เซ็นทรัล ศรีราชา” เราจะปั้นเป็นเมือง New S-Curve ซึ่งเป็น Promising City เมืองอนาคตไกล ผลักดันศักยภาพศรีราชาเป็น Center of EEC ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘Inspiring Si Racha – The Innovation Oasis’ ล้ำอย่างลงตัว เป็น Community Thought Leader ด้วย Facilities ล้ำสมัย สร้างพลังสีเขียวใจกลางเมือง สำหรับกลุ่มเป้าหมายชาวศรีราชา มีประชากรกว่า 580,000 คน โครงการที่อยู่อาศัยเติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี และมีชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติอื่นๆ อาศัยอยู่ประมาณ 40,000 คน อีกทั้ง กลุ่มคนญี่ปุ่นในทำงานที่ศรีราชาเป็นระดับ Top management เงินเดือนสูงเฉลี่ยประมาณ 100,000-200,000 บาทต่อเดือน ดังนั้น จึงตั้งใจทำให้ศรีราชาเป็นเหมือน Little Yogohama โดยในช่วงแรกในการเปิดให้บริการคาดว่าจะมีคนมาใช้บริการ 2.6 หมื่นคน/เดือน
สุดท้าย “เซ็นทรัล จันทบุรี” เป็นการบุกตลาด Blue Ocean มิกซ์ยูสหนึ่งเดียวในจันทบุรี และครบครันที่สุดในภาคตะวันออก เป็น The Hidden Gem of EEC Plus 2 สร้างเศรษฐกิจและวิถีท้องถิ่นแข็งแกร่งระดับประเทศ มีประชากรกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากกว่า 1,800,000 คน (จันทบุรี, ตราด, ปราจีนบุรี, สระแก้ว) จากฐานข้อมูลของกลุ่มเซ็นทรัล จันทบุรีมียอดขายอันดับต้นๆ ในสาขาต่างจังหวัดเมืองกำลังเติบโต มีสถานศึกษาถึง 45 แห่ง โรงแรม 29 แห่ง และที่พักอาศัย 24 แห่ง มีจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา (2014-2018) ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติกว่า 2.47 ล้านคนต่อปี (ปี 2020) โดยเราจะจับกลุ่ม Cross-Border Trading ตอบโจทย์การค้าขายระหว่างพรมแดนด้วยกลุ่มเป้าหมายที่มี High Spender เช่นเดียวกับความสำเร็จของศูนย์การค้าในภาคอีสานโดยในช่วงแรกในการเปิดให้บริการคาดว่าจะมีคนมาใช้บริการ 2.2 หมื่นคน/เดือน
