กองทัพบก จัดงานโครงการปลุกจิตสำนึกรู้คุณแผ่นดินปีที่ 3 โดยมีพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธี ภายใต้แนวคิด “ขอบคุณประเทศไทย” เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มทุกเหล่า ได้ร่วมแสดงความขอบคุณและกตัญญูต่อแผ่นดิน และให้คำมั่นที่จะทดแทนคุณแผ่นดิน ตามหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละคนบนแผ่นดินไทย โดยมีหน่วยงานทุกภาคส่วนทั้ง ปลัดกระทรวง ทหาร ตำรวจ ศิลปิน ดารา นักร้อง นักเรียน ภาคธุรกิจ สื่อสารมวลชน และประชาชน ร่วมงานอย่างคับคั่ง

ภายในงานมีกิจกรรมประกอบด้วย นิทรรศการภาพถ่าย “ความสุขบนแผ่นดินไทย” เพื่อบอกเล่าความรู้สึกขอบคุณประเทศไทยที่เป็นแผ่นดินเกิดและให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่คนไทยทุกคน กิจกรรม “Share to Chairs” เพื่อถ่ายทอดความคิด ในการแบ่งปันกำลังใจ ให้คนไทยด้วยกัน ด้วยการระบายสีและเขียนข้อความลงบนเก้าอี้ และนำไปมอบให้กับโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นทหารคนหนึ่งซึ่งมีหน้าที่ในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย รู้สึกซาบซึ้งที่ได้เห็นทุกคนแสดงออกถึงความรักความปรารถนาดีและส่งคำขอบคุณแก่ประเทศไทย ประชาชนทุกคนคือพลังที่จะเป็นผู้ผลักดันและขับเคลื่อนประเทศให้มีแต่ความสุขและความเจริญต่อไป ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง รู้สึกสำนึกในบุญคุณของแผ่นดินไทย คงไม่มีแผ่นดินไหนที่จะให้ความสุขความร่มเย็นได้เท่าแผ่นดินไทยอีกแล้ว

ผมขอให้คำมั่นสัญญากับทุกคนว่ากองทัพจะพยายามอย่างยิ่งในทุกวิถีทางที่จะดูแลและปกป้องให้แผ่นดินไทยของเรา มีแต่ความสงบร่มเย็น ผมมีความอบอุ่นใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นพวกเราทุกคนที่มีความคิดเช่นเดียวกัน ที่จะร่วมกันในการที่จะพิทักษ์รักษาชาติของเราที่เป็นที่รักยิ่ง ผมมีความรู้สึกไม่เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย กองทัพต้องอาศัย พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ในการที่จะดูแล ให้เกิดความสงบสุขและเกิดความราบรื่นในการที่จะนำพาประเทศชาติของเรานั้นให้มีความสงบตลอดไป ขอให้ประเทศชาติของเรานั้นมีความเจริญรุ่งเรืองภายใต้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา

นอกจากนี้ ในงานยังมีผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ กล่าวขอบคุณประเทศไทย โดยมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนข้าราชการ กล่าวว่า

“เราได้รับการอบรมสั่งสอนจากผู้หลักผู้ใหญ่มาตลอดว่าข้าราชการเป็นข้าราชการของประชาชน และเป็นข้าราชการของพระเจ้าแผ่นดิน ประเทศไทยมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแบบอย่างของความดีงามทรงเป็นที่รักและทูนเทิดยิ่งของชาวไทย กระผมแอบคิดของกระผมเองในขณะนี้ว่า คงอีกไม่นานเกินรอที่พี่น้องประชาชนชาวไทยจะกลับไปรักใคร่สามัคคีกันเหมือนเมื่อก่อน เราเคยรักกันมากนะครับ เรารักกันมากในอดีต เราไม่เคยมีความแตกแยกอะไรเกิดขึ้นเลย เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน ใต้ร่มพระบารมีเดียวกัน ขอขอบคุณประเทศไทย”

ขณะที่ นางศิรินา ปวโรฬารวิทยา โชควัฒนา ประธานธุรกิจสตรีและวัฒนธรรม หอการค้าไทย ตัวแทนนักธุรกิจได้กล่าวว่า “การที่ผู้ประกอบการเจ็ดหมื่นกว่าองค์กร สามารถทำธุรกิจในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืนและมีความสุขได้นั้น ต้องขอขอบคุณ ประเทศไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่แสนประเสริฐมีความสามารถเลิศล้ำ และมีน้ำพระทัยที่ห่วงใยประชาชนทุกระดับ ขอขอบคุณประเทศไทยที่ใจดีให้โอกาสทุกชาติทุกศาสนาได้ทำมาหากินในผืนแผ่นดินไทย ในฐานะที่ตนเป็นตัวแทนภาคเอกชนขอสัญญาว่าจะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของประเทศ เพื่อให้ประเทศ ไทยเจริญอย่างยั่งยืน”

ด้านผู้แทนชาวนา นางแป้ง ปาลสาร ซึ่งเป็นชาวนาคนสุดท้ายที่ได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าว ได้กล่าวว่า “ขอขอบคุณประเทศไทยที่ให้ชาวนาไทยได้ปลูกข้าวเลี้ยงตัวเลี้ยงคนไทยทั้งประเทศ และก็เลี้ยงชาวโลกอย่างภาคภูมิใจ ขอบคุณประเทศไทยที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของชาวโลก ดิฉันขอสัญญาว่าเราชาวนาจะปลูกข้าวด้วยความรัก รักพันธุ์ข้าวไทย รักแผ่นดินไทย รักชาวนาไทย อย่างภาคภูมิ”

ด.ช.ปุญรวี เกตุยิ่งยืนวงศ์ นักเรียนที่ชนะเลิศประกวดเรียงความเกี่ยวกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเป็นผู้แทนนักเรียน กล่าวว่า “ขอบคุณที่ได้เกิดบนแผ่นดินที่สงบสุข แม้บางครั้งเราจะมีเรื่องบางเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน แต่ทุกอย่างก็มีทางออกเสมอ ขอบคุณที่ได้มีโอกาสเติบโตบนแผ่นดินที่สงบสุข มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่ช่วยกันดูแลและพยายามทำทุกอย่างที่จะรักษาแผ่นดินไทยอันงดงามไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลาน เหมือนเช่นที่บรรพบุรษของเราได้ยึดถือปฏิบัติมา แผ่นดินไทยยังคงเป็นแผ่นดินแห่งความหวัง ความรักความร่มเย็น สามารถตอบชาวโลก ได้อย่างภาคภูมิใจว่าหนูเป็นคนไทย”

ทั้งนี้ โครงการปลุกจิตสำนึก “รู้คุณแผ่นดิน” เริ่มจัดเป็นครั้งแรกในปี 2555 โดย กองทัพบกได้ร่วมกับองค์กรภาครัฐและเอกชน ร่วมรณรงค์ให้คนไทยตระหนักรู้ถึงหน้าที่และความรับผิดชอบ และตระ-หนักในความเป็นคนไทยภายใต้แนวคิด “การทำหน้าที่อย่างถูกต้องของคนไทย”