3 ค่ายยักษ์ "น้ำอัดลม" แข่งเดือดรับซัมเมอร์ ... ลุยสู้ศึกไม่หวั่นแม้งดกิจกรรมสงกรานต์ปี 64

วันพฤหัสบดีที่ 01 เมษายน พ.ศ. 2564

3 ค่ายยักษ์


สำหรับประเทศไทยเข้าสู่ “หน้าร้อน” กันอย่างเป็นทางการแล้ว และเดือนหน้าก็จะเข้าสู่เดือนเมษาซึ่งถือเป็นเดือนที่ฮอทที่สุดของไทย ประกอบกับในทุกปีจะมีเทศกาลสงกรานต์ของไทยให้เหล่าคนไทยได้สนุกสนานครื้นเครงกัน  อย่างไรก็ตาม เราคงทราบกันอยู่แล้วว่าในช่วงหน้าขายหรือช่วงพีคสุดๆ ของการทำตลาดน้ำอัดลม คืออยู่ในช่วง “หน้าร้อน” นั่นเอง ที่ผู้บริโภคส่วนมากจะนิยมเลือกดื่มน้ำอัดลมเพิ่มความสดชื่น ดับกระหาย ดังนั้น หน้าร้อนจึงเป็นช่วงที่สร้างยอดขายได้มากที่สุด

แต่ทว่าเมื่อปีที่ผ่านมา จวบจนถึงปีนี้สถานการณ์ช่างแตกต่างออกไปเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ จากข้อมูลในปีที่ผ่านมา พบว่าในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2563 ที่ผ่านมา ตลาดเครื่องดื่ม 155,000 ล้านบาท ติดลบ 7% การติดลบนี้น้ำอัดลมซึ่งเป็นเซกเมนต์ใหญ่ที่สุดในตลาดมีการติดลบน้อยที่สุดคือ 2.5% เนื่องมาจากมาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐที่ต้องการควบคุมการแพร่กระจายของโรคระบาด ทำให้ร้านอาหาร ซึ่งเป็นช่องทางที่มีสัดส่วนยอดขาย 18-20% ของตลาดน้ำอัดลม ไม่สามารถเปิดให้บริการจำหน่ายอาหารในร้านได้ ซึ่งการไม่สามารถรับประทานอาหารในร้านอาหารได้ โอกาสในการสั่งน้ำอัดลมแก้กระหายระหว่างรับประทานอาหารมีน้อยลงตามมา ประกอบกับ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อน้ำอัดลมน้อยลง และเลือกที่จะดื่มน้ำเปล่าจากเครื่องกรองน้ำดับกระหายแทน  ขณะที่ส่วนแบ่งของตลาดน้ำอัดลมไทยแยกตามประเภท ได้แก่ น้ำอัดลมสีดำ 71% น้ำอัดลมสี 23% และน้ำอัดลมไม่มีสี 6%

ข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-alcoholic Beverages) ในประเทศ ปี 2564 จะเติบโตอยู่ที่ 0.5-1.5% หรือมีมูลค่าราว 1.97 – 1.99 แสนล้านบาท แต่ยังไม่กลับไปเทียบเท่า ปี 2562 ซึ่งมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากในช่วง 1-2 เดือนนี้ สามารถควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ดี จะทำให้ตลาดเครื่องดื่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่งได้ เนื่องจากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนที่ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งถือเป็นช่วงพีคของธุรกิจเครื่องดื่ม โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มน้ำดื่มบรรจุขวด น้ำอัดลม และโซดา

ทั้งนี้ ตลาดเครื่องดื่มดั้งเดิมและตลาด Mass มีแนวโน้มจะแปรผันตามกำลังซื้อและสภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่ยังรักษาส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ไว้ได้ขณะที่เครื่องดื่มรูปแบบใหม่ ซึ่งเน้นตอบโจทย์ตลาด Niche ที่มีความต้องการเฉพาะ คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของตลาด เนื่องจากมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น แม้ปัจจุบันเครื่องดื่มรูปแบบใหม่มีส่วนแบ่งตลาดน้อยกว่า แต่มีโอกาสที่จะเพิ่มส่วนแบ่งได้ในระยะยาว โดยมีปัจจัยด้านความต้องการของผู้บริโภคเป็นตัวขับเคลื่อนทิศทางของตลาด

อย่างไรก็ตาม แม้ปีนี้สถานการณ์โควิด-19 ในบ้านเราจะค่อนข้างดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้ดีมาก 100 % ส่งผลให้ในช่วงหน้าร้อนปีนี้ โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ของไทย ซึ่งปกติเป็นหน้าขายของน้ำต่าง ๆ  แต่ปีนี้ได้มีการยกเลิกจัดกิจกรรมต่างๆ ไป เราลองสำรวจดูกันหน่อยว่าแม้ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้แล้ว มีเหล่าผู้ประกอบการน้ำอัดลมแบรนด์ได้ยังคงเดินหน้าลุยทำตลาดฝ่าวิกฤติโควิดในช่วงฤดูร้อนปีนี้กันแบบไม่ย่อท้อ

*** เครื่องดื่มมิรินด้า รุก จับกลุ่ม Gen Z ***  

นางสาวพัชรพรรณ บุญทรง ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเครื่องดื่มมิรินด้า บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดเครื่องดื่มรวม (LRB) ของประเทศไทยในปี 2563 ที่ผ่านมา มูลค่าตลาดน้ำอัดลมอยู่ที่ประมาณ 61,000 ล้านบาท ซึ่งค่อนข้างทรงตัวจากปี 2563 ที่ผ่านมา โดยตลาดน้ำอัดลมสีก็เช่นกันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาทการเติบโตค่อนข้างทรงตัว ในขณะที่ มิรินด้ามียอดการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 18%1 ในปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความสำเร็จของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างมิรินด้ากลิ่นกรีนครีม และมีแคมเปญทางการตลาดที่ตอบโจทย์ตรงใจกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์  ส่วนปี 64 นี้เราคาดว่าตลาดน้ำอัดลมสีจะกลับมาคึกคักสร้างสีสันอีกครั้ง

โดยในปีนี้มิรินด้ายังคงให้ความสำคัญกับการชูภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความสนุก สดใส และซ่ามากยิ่งขึ้น ผ่านคอนเซปต์ “Mirinda Make The World Go AAAH! มิรินด้า คิดซ่าให้โลกสนุก” ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับโกลบอล รวมถึงเน้นย้ำจุดแข็งของ 3 รสชาติหลัก ได้แก่ มิรินด้ากลิ่นส้ม มิรินด้ากลิ่นสตรอเบอร์รี และมิรินด้ากลิ่นกรีนครีมที่ได้รับความนิยมอยู่ก่อนแล้ว ตลอดจนวางแผนออกผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่สู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการบริโภคและดึงดูดผู้บริโภคหน้าใหม่ให้เปิดใจทดลอง พร้อมออกโฆษณาชุดใหม่ที่ได้แร็ปเปอร์สาว มิลลิ ตัวแทนวัยรุ่นยุคใหม่ และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ชื่อดังจากหลากหลายประเทศ (อาทิเช่น ไทย เวียดนาม รัสเซีย และตุรกี) มาโชว์ความสร้างสรรค์ในโฆษณาชุดเดียวกัน ซึ่งจะออกฉายในหลายประเทศทั่วโลก โดยตั้งเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในแบรนด์หลักที่ครองใจตลาดน้ำอัดลมสีของประเทศไทย ภายในปี 2564 อีกทั้ง ล่าสุด ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “มิรินด้า กลิ่นรูทเบียร์” เจาะกลุ่มวัยรุ่น กลุ่ม Gen Z ที่พร้อมทดลองสิ่งใหม่ๆ ที่เริ่มจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค

สำหรับกลยุทธ์ทำตลาดหน้าร้อนปีนี้ มิรินด้าได้ออกผลิตภัณฑ์ดีไซน์พิเศษสำหรับเทศกาลสงกรานต์โดยเฉพาะ เป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ที่มาพร้อมกับ “IG Filter สงกรานต์” เพื่อตอบรับกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ขอความร่วมมืองดเล่นน้ำสงกรานต์ ให้ยังสามารถสาดน้ำผ่านโลกดิจิตัลได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถือว่าเป็นสงกรานต์วิถีใหม่ (Songkran New Normal) ที่อยากให้ทุกคนได้สัมผัส และถึงแม้กิจกรรมบางอย่างจะไม่สามารถจัดได้ในช่วงสงกรานต์ แต่มิรินด้าก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ มาทดแทน อาทิ มิรินด้าสงกรานต์ new normal, การร่วมมือกับ CPN ในการทำกิจกรรมและแจกสินค้าตัวอย่างที่ลาน Surf skate park หน้าห้างเซ็นทรัล ทั้งสาขาในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เป็นต้น

“มิรินด้าคาดว่าจะสร้างการเติบโตในช่วงหน้าร้อนปีนี้เป็นตัวเลข 2 หลัก โดยใช้กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนด้วยการออกแคมเปญใหม่ล่าสุด มิรินด้าคิดซ่าให้โลกสนุกซึ่งเน้นจับกลุ่ม Gen Z ด้วยกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลาย ทั้ง Online และ Offline รวมถึงการออกสินค้าใหม่ มิรินด้ากลิ่นรูทเบียร์รวมถึงการออกดีไซน์พิเศษเฉพาะช่วงสงกรานต์ ทำให้เรามั่นใจว่าหน้าร้อนในปีนี้จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค”

ผู้บริหารมิรินด้า กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่เห็นชัดเจนจากสถานการณ์โควิด-19 คือพฤติกรรมการบริโภคสื่อของคนที่ไปอยู่บนสื่อดิจิตัลมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่ใช้เวลาบนโลกออนไลน์มากขึ้น ทั้งการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ ออนไลน์ชอปปิ้ง รวมถึงไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับการมีตัวตนในโลกโซเชี่ยล ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญในธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องปรับตัวให้สอดรับกับพฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน เราจึงได้วางแผนปิดตัวแคมเปญใหม่ รวมถึงการออกสินค้าใหม่ออกมากระตุ้นตลาดน้ำอัดลมตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 ทั้งจากมิรินด้าและผู้เล่นอื่นในตลาด ทำให้เราคาดหมายว่าตลาดจะมีความคึกคักและสร้างการเติบโตที่ดีขึ้นจากปีที่แล้ว ด้วยการทำการตลาดเจาะกลุ่ม Gen Z โดยเน้นหนักที่สื่อดิจิตัล ผ่านดิจิตัลแคมเปญต่างๆ ตลอดทั้งปี

*** “เอสโคล่า” และ“เอสเพลย์” ดึง “FREE FIRE” เพิ่มยอด ***  

นางเจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย “เอสโคล่าและเอสเพลย์กล่าวว่า ในซัมเมอร์ปีนี้ เอสโคล่าได้ลุยตลาดน้ำอัดลมรับหน้าร้อน จับกระแสความนิยมของคนรุ่นใหม่ โดยผนึกกำลัง “การีนา (ประเทศไทย)” นำเกม “FREE FIRE” เกมยอดนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งได้รับการจัดอันดับโดย App Annie ให้เป็นเกมมือถือที่มียอดดาวน์โหลดจากทั่วโลกสูงที่สุดในปี 2563 เปิดตัวแคมเปญใหม่ ‘เอส x FREE FIRE เปิดฝาซ่า ล่าไอเทมซี้ด’ เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคได้ตรงเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี-ดิจิทัล มีความนิยมในการเล่นเกม พร้อมเปิดตัวพรีเซนเตอร์ ไอซ์ - พาริส อินทรโกมาลย์สุต นักแสดงไอดอลวัยรุ่นที่เป็นเกมเมอร์ตัวจริง เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ที่สนใจในเรื่องเทคโนโลยี มีความเป็นวัยรุ่น สนุกสนาน และทันสมัย พร้อมจัดเต็มสื่อสนับสนุนการตลาดต่างๆ อย่างครอบคลุม 360 องศา ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างยอดขายช่วงหน้าร้อน และเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ให้มากยิ่งขึ้น”

สำหรับในส่วนของน้ำอัดลมสี  “เอสเพลย์ ปีนี้เราจะทำการสร้างสรรค์นวัตกรรมจากการออกรสชาติใหม่ ๆ เป็นกุญแจสำคัญที่ผลักดันให้เอสเพลย์ เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราได้สร้างฐานลูกค้าวัยทีนไว้อย่างแข็งแรง ในปีนี้เทรนด์เครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพมาแรง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีนวัตกรรม แปลกใหม่ สนุกสนาน เราจึงก้าวข้ามกรอบน้ำอัดลมสีแบบเดิม หยิบจุดขายทั้งหมดนี้มาผสมผสานกันอย่างลงตัว จนสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด “เอสเพลย์ เพิ่มวิตามินบี 6 และบี 12 สูง” ที่หอมซ่า อร่อยสดชื่นเหมือนเดิม นับเป็นครั้งแรกของน้ำอัดลมที่มีการเพิ่มวิตามินบี 6 และ บี 12 สูง ซึ่งมีคุณประโยชน์ในการช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่หันมาใส่ใจสุขภาพ หลังจากที่ต้องปรับตัวอย่างหนักกับ New Normal ระลอกใหม่ เนื่องจากน้ำตาลน้อย และขั้นกว่าของน้ำอัดลม “เอสเพลย์ เยลลี่เชค” ที่เพิ่มความสนุกสุดขั้วด้วยการเขย่า 10 ครั้งก่อนดื่ม ให้คลายหิวในช่วงบ่ายด้วย พร้อมเปิดตัวพรีเซนเตอร์สาวน้อยสนุกซ่า “แอลลี่ อชิรญา นิติพล” ไอดอลวัยทีน ที่จะมาช่วยเสริมภาพลักษณ์ความเป็นแบรนด์อินโนเวชั่น ทันสมัย ฉีกกรอบเดิมๆ ทำการสื่อสารการตลาดแบบจัดเต็มผ่านสื่อสนับสนุนต่างๆ ทั้งการสื่อสารผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เต็มรูปแบบ เจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นให้ได้มีประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ พร้อมตอกย้ำความแข็งแกร่งของเอสเพลย์ในฐานะแบรนด์ผู้นำนวัตกรรมน้ำอัดลมสี

*** แฟนต้า  เปิดทางเลือกใหม่ ไร้น้ำตาล *** 

นางสาวมัณฑนา หล่อไกรเลิศ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดบริษัท โคคา-โคล่า(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เมื่อเทรนด์เครื่องดื่มปราศจากน้ำตาลยังคงมาแรงต่อเนื่อง ‘แฟนต้า’ ในฐานะผู้นำอันดับ 1 ในตลาดเครื่องดื่มอัดลมกลิ่นผลไม้ที่ครองใจผู้บริโภคชาวไทยด้วยส่วนแบ่งการตลาด 67.1%  จึงได้คิดค้นและพัฒนาทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาล และยังคงต้องการเติมสีสัน ความสนุกซ่าให้ชีวิต ตอบโจทย์ด้วยแฟนต้า ไม่มีน้ำตาล กลิ่นส้ม และกลิ่นสตรอเบอร์รี่ ความอร่อย มันส์ ซ่า ที่ต้องลอง เพื่อสะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทเครื่องดื่มเต็มรูปแบบ ที่ยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้ แฟนต้ายังได้จัดเตรียมกิจกรรมทางการตลาด ทั้งโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ สื่อดิจิทัล สื่อนอกบ้าน การสื่อสาร ณ จุดขายและในร้านค้า ไปจนถึงการร่วมมือกับเพจชื่อดังด้านการรีวิวขนมอย่างเพจ ‘กินหนม’ พร้อมสร้างคอนเทนต์มันส์ๆ และกิจกรรมสนุกซ่าตลอดทั้งแคมเปญ เพื่อตอกย้ำความเป็นเครื่องดื่มที่เสริมรสชาติในการดื่มควบคู่กับขนมขบเคี้ยว โดยได้วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่ในเดือนมีนาคมนี้ ที่ร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ

 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ