โครงการกรุงเทพฯ เมืองสีเขียว หรือ Bangkok Green City เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ กทม.หมายมั่นปั้นมืออยากสรรค์สร้างให้เกิดเป็นรูปธรรมในเร็ววัน ล่าสุดได้รับความร่วมมือจากศูนย์บริการวิชาการ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม น่าอยู่ น่าอาศัย ทั้งในมิติด้านความปลอดภัย ด้านสิ่งแวดล้อมที่สะอาด เพื่อสร้างกรุงเทพฯ เป็นมหานครน่าอยู่อย่างยั่งยืน
รศ.ดร.วรสัณฑ์ บูรณากาญจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีอาคารและสิ่งแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ทางศูนย์ได้รับงบประมาณจากกทม.จำนวน 14 ล้านบาทในการศึกษาจัดทำและออกแบบแผนการดำเนินการ โดยมีระยะเวลา 6 เดือนตั้งแต่เดือน เมษายน-สิงหาคม ซึ่งทางศูนย์จะมุ่งไปที่การรณรงค์สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนให้สังคมเกิดการปรับตัว ปรับวิถีชีวิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างการรับรู้และตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งสร้างความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยประชาชน ตลอดจนเสริมสร้างการมีส่วน ร่วมจากทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อพัฒนา ไปสู่ความยั่งยืนในลักษณะเครือข่ายทางสังคมภายใต้การเชื่อมโยงของหน่วยงาน ภาครัฐ พร้อมสร้างช่องทางที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการและดูแลสิ่งแวดล้อมในเมืองให้มากขึ้น
รศ.ดร.วรสัณฑ์ ยังได้กล่าวต่อว่า ขั้นตอนแรกที่ศูนย์ดำเนินการก็คือการเข้าไปสำรวจประชาชนว่ามีความพร้อมแค่ไหนในการเข้าร่วมทำให้กรุงเทพฯเป็นเมืองสีเขียว และจะต้องเข้าไปศึกษา เรื่องของคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ ขยะ วิถีชีวิตการเดินทางของชุมชนนั้น การใช้พลังงานและอื่นๆ เพื่อที่จะผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสีเขียว
อย่างไรก็ตาม จากการส่งนักศึกษา เข้าไปทำการสำรวจประชากรทั้ง 50 เขต กทม.ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาพบว่ามีประชากรเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่เข้าใจ ขณะที่อีกร้อยละ 80 กลับไม่มีความรู้ความ เข้าใจเรื่องเมืองสีเขียว แต่มีความต้องการ ที่จะเข้ามาช่วยเหลือ
"อันดับแรกศูนย์จะทบทวนว่ากทม.มีเรื่องใดที่ทำอยู่แล้ว ประชาชนมีความพร้อมแค่ไหนในการเข้าร่วมทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสีเขียว เท่าที่ไปสำรวจบางคนอยากทำแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร บางคนทราบเพียงเรื่องของสิ่ง-แวดล้อม เรื่องของการปลูกต้นไม้ ซึ่งความรู้เหล่านั้นยังไม่เพียงพอเพราะจะต้องรู้และเข้าใจเรื่องของอากาศ น้ำ ขยะ วิถีชีวิต การเดินทางเพื่อผลักให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสีเขียวสมบูรณ์แบบ"
ดังนั้น จึงต้องช่วยกันให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อให้คนกรุงเทพฯ มีความรู้ มากกว่าเดิมจะได้รับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ รศ.ดร.วรสัณฑ์ ยังได้บอกอีกว่าในช่วง 2 ปีนี้ยังไม่น่าห่วงเท่าไหร่ แต่เมื่อไหร่ที่เปิดประชาคมอาเซียน ประชาชนในอาเซียนก็จะเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯมากขึ้น หากไม่มีการเตรียมความพร้อม ในการรับมือสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในกรุงเทพฯ จะยิ่งเกิดวิกฤติมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน
ฉะนั้นจึงต้องเร่งให้คนกรุงเทพฯเรียนรู้วิธีปรับวิถีชีวิตให้มีวินัย ทั้งการทิ้งขยะ การบำบัดน้ำเสีย การสอนให้ลด การใช้พลังงานด้วยการเดิน หรือขี่รถจักรยานในเส้นทางระยะสั้นๆ เป็นต้น พร้อมกับสอนเรื่องวัฒนธรรมให้กับประชากรแฝง เช่น คนต่างจังหวัด ชาว ต่างชาติที่เข้ามาพักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ให้เข้าใจถึงการมีส่วนร่วมรักษาสภาพแวดล้อม
ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยศูนย์เชี่ยวชาญ เฉพาะทางด้านเทคโนโลยีอาคารและสิ่งแวดล้อมกล่าวต่อว่า เบื้องต้นอาจจะเริ่มในบางพื้นที่ก่อน เช่นสถานที่ชุมชน ต้นแบบที่อยู่ในโครงการของ กทม.หรือพื้นที่สาธารณะของกรุงเทพฯ อย่างที่ ลานคนเมือง สวนสาธารณะ สนามฟุตบอล สิ่งแรกที่ต้องทำคือการปรับภูมิทัศน์ทำให้ร่มรื่น มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทำให้ผู้ที่มาใช้พื้นที่รู้สึกสบาย รู้สึกรักและหวงพื้นที่หรือชุมชนนั้นๆ เมื่อเกิดความแข็งแกร่งก็จะขยายผลให้เร็วขึ้นเป็นเขตละ 1 ชุมชน จากนั้นก็มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยมี กทม.เป็นเจ้าภาพ และขยายเป็นเครือข่ายเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วม แต่การจะดำเนินการให้ประสบความสำเร็จ พื้นที่เมืองก็ต้องเอื้ออำนวยเช่นกัน
อนึ่งสำหรับโครงการกรุงเทพฯเมืองสีเขียวจะประกอบด้วย 5 แผนงาน สำคัญคือ 1.จัดทำและออกแบบแผน การดำเนินการรณรงค์สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน โดยศึกษาระดับความต้องการของประชาชน เกี่ยวกับ Green City 2.จัดทำฐานข้อมูล กลุ่มองค์กร บุคคล ที่มีกิจกรรมที่เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อม พร้อมจัดกิจกรรมพัฒนา และสร้างเครือข่ายกลุ่มในแต่ละด้าน เพื่อพัฒนาเป็นเครือข่ายสังคมที่มีวิถีชีวิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงจัดกิจกรรมสร้างกระแสสังคมให้รับรู้ ตระหนัก และปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
3.พัฒนากิจกรรมสร้างการรับรู้จากทุกภาคส่วนให้รับรู้ถึงแนวคิด Green City วิธีการและแนวทางการปรับตัวให้มีวิถีชีวิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อม จัดกิจกรรมระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนให้กรุงเทพฯ เป็น เมืองสีเขียว
4.พัฒนาและส่งเสริมการสร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสมาชิก รวมถึงความเคลื่อนไหวกิจกรรมด้าน สิ่งแวดล้อมผ่านระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของศูนย์ประสานงานเครือข่าย สังคมที่มีวิถีชีวิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 5.จัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อขับเคลื่อน ให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสีเขียวในปี 2563 ตามแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร 12 ปี (พ.ศ.2552-2563)