Toggle navigation
วันจันทร์ ที่ 23 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
เกาะติดหวยคสช.เงินบาปเพื่อสังคม
เกาะติดหวยคสช.เงินบาปเพื่อสังคม
วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
Tweet
หวย!!..เรื่องของกิเลสที่ไม่จบไม่สิ้นสำหรับคนไทย แม้ตอนนี้คณะ รักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะพยายามขุดคุ้ย รื้อระบบเรื่องนี้ยังไง ก็ยังต้องยอมรับว่า ยาก 80 บาท กับราคาหวยเริ่มขึ้นแล้ว..แต่ก็ไม่สมบูรณ์ ข้อมูลจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2555 พบ ว่า คนส่วนใหญ่ที่ซื้อลอตเตอรี่เป็นผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง และแต่ละปี มีคนไทยซื้อลอตเตอรี่เกือบ 20 ล้านคน คิดเป็นเงินกว่า 70,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการเก็บภาษีจากคนจนที่แพงมาก แต่เงินเหล่านี้กลับไม่ได้ถูกนำไปใช้พัฒนาสังคมอย่างที่ควรจะเป็น แถมกองสลากฯ ยังขายลอตเตอรี่เกินราคามาไม่รู้กี่ปี ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการบริหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่โปร่งใส จำเป็นต้องได้รับการปฏิรูปแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ปัญหาสะสมที่ผ่านมา คนไทยต้องทนกับปัญหาสลากราคาแพงมาเป็นสิบๆ ปี จากใบละ 80 บาท เป็น 120-130 บาท ซึ่งเกิดขึ้นเพราะกองสลากจัดสรรโควตาสลากไม่เป็นธรรมทำให้ลอตเตอรี่จำนวนมากไปกระจุกอยู่ที่ผู้ค้ารายใหญ่หรือ “เสือ” เพียงไม่กี่ราย คนกลางเหล่านี้จึงมีอิทธิพลในการบวกเพิ่มราคา ยิ่งเลขสวย ยิ่งแพงหนัก นอกจากนี้ กองสลากยังบริหารงานแบบปิดประตูขาดทุนด้วยการขาย ลอตเตอรี่ 72 ล้านงวดออกไปทั้งหมดแบบไม่รับซื้อคืน ผลักภาระต้นทุนลอตเตอรี่ที่ขายไม่หมดนี้มาเป็นทอดๆ จนถึงผู้ค้ารายย่อยปลายแถว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนยากจนและคนพิการ
สำนักงานกองสลากฯ ถูกครอบงำโดยฝ่ายการเมือง โดยบอร์ดบริหาร 8 ใน 9 คน เป็นข้าราชการประจำหรือมาจากการแต่งตั้งของฝ่ายการเมือง มีตัวแทนจากภาคสังคมแค่ 1 คนเท่านั้น
3.ทุกวันนี้รายได้จากการขายสลากที่เราเชื่อกันว่าเป็นการทำบุญ ถูกนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือสังคมแค่ 500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3-5% เท่านั้น ที่เหลือเกือบ 20,000 ล้านบาท เข้ากระเป๋ารัฐ โดยไม่มีรายละเอียดว่านำไปใช้อะไรบ้าง ยิ่งกว่านั้นอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท ที่มาจากการขายสลากเกินราคาไหลเข้าสู่กระเป๋าผู้มีอิทธิพลที่ล้วนโยงใยกับฝ่ายการเมืองทั้งสิ้น ซึ่งในส่วนนี้สยามธุรกิจได้เคยนำเสนอรายละเอียดไปแล้ว แต่ที่ต้องพิจารณาหลังจากนี้คือ
แก้ไข พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 ให้มีเจตนารมณ์เพื่อพัฒนาสังคม โดยเปลี่ยนชื่อเป็น พ.ร.บ.กิจการสลากเพื่อสังคม
เปลี่ยนสัดส่วนการจัดสรรรายได้ ให้เน้นพัฒนาสังคมแทน รวมถึงการตั้งกองทุนรับซื้อสลากคืน เพื่อแก้ปัญหาสลากราคาแพงด้วย
เปลี่ยนโครงสร้างการบริหารจัดการสำนักงานสลาก เป็น 3 บอร์ด คือ บอร์ดบริหารกิจการ บอร์ดกำกับและตรวจสอบ และบอร์ดจัดสรรเงินรายได้จากการขายลอตเตอรี่ ให้ที่มาของบอร์ดทั้ง 3 ชุด โปร่งใส ถ่วงดุล และตรวจสอบได้ ปลอดจากการครอบงำของฝ่ายการเมือง ซึ่งหากไม่ปรับโครงสร้างจริงๆ แล้วสิ่งที่คสช.กำลังทำอาจไม่เกิดผลยั่งยืน
“ปัทมาวดี ซูซูกิ” คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลก็มีลักษณะคล้ายกับสินค้าทั่วไปที่มีกระบวนการกระจายออกสู่ท้องตลาด มีการผลิตโดยกองสลากกินแบ่งรัฐบาล มียี่ปั๊วไปคอยรับซื้อและให้ผู้จำหน่ายรายย่อยมารับซื้อต่อเพื่อไปขายให้ประชาชนต่อไป แต่ละกระบวนการก็จะมีต้นทุน
โดยเรื่องสลากนี้ถือว่าเป็นกรณีทางเลือกของประชาชน ที่ผ่านมาจะเห็นว่าแม้สลากกินแบ่งฯ จะมีราคาหลักร้อยประชาชนก็ยินดีที่จะซื้อ เพราะเปรียบได้กับเป็นการลงทุนเพื่อหวังผลกำไร ไม่ต่างอะไรกับการประกอบธุรกิจ
ดังนั้น จึงต้องไปดูว่าการกำหนดราคา ให้เหลือ 80 บาทนี้ จะสามารถแก้ปัญหาได้ที่จุดไหน
ไม่แน่ใจว่า คสช.มีข้อมูลเชิงลึกรู้จักยี่ปั๊ว แต่ละรายหรือไม่ แต่การกำหนดราคา 80 บาท โดยที่พุ่งเป้ามาที่ผู้จำหน่ายรายย่อยนั้น เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะมาตามจับกับผู้จำหน่ายรายย่อยหากมีการขายเกินราคา
เพราะผู้จำหน่ายรายย่อยมีจำนวนมากกระจายอยู่ในทุกพื้นที่และส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ หากพุ่งเป้าไปที่ผู้จำหน่ายรายย่อยจริงก็เชื่อว่าคำสั่งดังกล่าวคงเกิดผลเป็นรูปธรรมที่เป็นไปได้ยาก อีกทั้งจะกระทบต่อผู้จำหน่ายรายย่อยโดยตรง
ยกเว้นว่ากระบวนการนี้มีระบบผูกขาด มีการแบ่งหัวคิวแบ่งผลประโยชน์กันจำนวนมากจนทำให้ราคาเกินจริงก็ควรจะไปแก้ปัญหาที่จุดนี้ เพราะถือว่าเป็นกระบวนการทุจริต โดยต้องจัดการกับผู้จำหน่ายรายใหญ่หรือยี่ปั๊ว
อีกทั้งยังต้องระวังว่าหากเข้าไปดำเนินการในเรื่องนี้จะทำให้ยี่ปั๊วเปลี่ยนแนวทาง การดำเนินการ หรือที่เรียกว่า ‘หวยใต้ดิน’ คสช.ก็ต้องมีมาตรการและข้อมูลเชิงลึกที่ จะจัดการกับยี่ปั๊วโดยตรง และต้องมีแนวทางในการควบคุมดีมานด์กับซัพพลายจึงจะควบคุมปัญหาได้
นี่เป็นตอนที่ 2 แล้วที่สยามธุรกิจพูดถึงเรื่องหวย เพราะคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า หวยคือการพนัน เมื่อเรายอมให้มีภาษีบาปเกิดขึ้นในประเทศนี้ ก็ต้องพยายามให้เกิดความยุติธรรมที่สุด และส่งผลสนองคืนสู่สังคมให้ ได้มากที่สุดเช่นกัน ไม่ใช่ปล่อยให้ผลประโยชน์ไปกระจุกตัวกับใครบางคน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ