“เจดีเซ็นทรัล” เผยแผนปี 64 ลุยพัฒนาระบบอีโคซิสเต็ม & โซลูชั่น หวังก้าวขึ้นสู่เบอร์ 1 ธุรกิจอีคอมเมิร์ชในไทย

วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2564

“เจดีเซ็นทรัล” เผยแผนปี 64 ลุยพัฒนาระบบอีโคซิสเต็ม & โซลูชั่น หวังก้าวขึ้นสู่เบอร์ 1 ธุรกิจอีคอมเมิร์ชในไทย


เจดีเซ็นทรัลเผย  วิกฤติโควิด-19  ดันยอดขายเติบโตสูงถึง 169 %  มีผู้ใช้แอคทีฟโตราว 50 % ส่งผลฐานลูกค้าหลักขากชาย เป็นหญิงเพิ่มขึ้น จากกลุ่มสินค้าอุปโภค บริโภค และสุขภาภ ความงาม พร้อมเปิดแผนธุรกิจปี 64  มุ่งเดินหน้าพัฒนาระบบอีโคซิสเต็มและโซลูชั่นต่างๆ ต่อเนื่อง 4 ด้านหลัก สนับสนุนทั้งผู้ขาย Seller และลูกค้าผู้ใช้บริการ ตั้งเป้าก้าวขึ้นสู่เบอร์ 1 ธุรกิจอีคอมเมิร์ชในไทย

นาย ฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ระบุว่า ภาพรวมของตลาด e-commerce ปัจจุบันยังมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มูลค่ามากกว่า 4 ล้านล้านบาทในค.ศ. 2562 เติบโตกว่าร้อยละ 6.9 จากค.ศ. 2561 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในค.ศ. 2563 จากการแพร่ระบาดของโควิดเป็นปัจจัยหลักทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค และการดำเนินชีวิตสู่วิถี New Normal เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาด ผ่านการทำกิจกรรมทางธุรกิจและการค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น โดยในประเทศไทยกิจกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่กว่า 40 % ดำเนินการบนโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Line, Instagram หรือ Social Commerce ขณะที่ 35 %ใช้บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม  ในการดำเนินธุรกิจ และ 25 % เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของแบรนด์สินค้า จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการรายย่อย หรือธุรกิจ SME ที่สามารถใช้ช่องทางออนไลน์ในการจำหน่ายสินค้า ที่สามารถเลือกรูปแบบของแพลตฟอร์มให้ตรงเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน หรือร้านค้าซึ่งต้องใช้ต้นทุนที่มาก

ด้าน นายวินเซนต์ หยาง ประธานกรรมการบริหาร เจดีเซ็นทรัล ผู้นำด้านเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซ และธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย กล่าวว่า  ปัจจุบันนี้เราได้ดำเนินการธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์ในไทยมาประมาณ 3 ปีแล้ว โดยจุดเด่นและจุดแข็งของเราที่เป็นมากกว่ามาร์เก็ตเพลสเจ้าอื่น คือ เรามีระบบโซลูชั่นทั้งในแบบ B2B และ โดยนำเสนอสินค้าคุณภาพของแท้ 100% มั่นใจ ปลอดภัย และไร้กังวลจากแบรนด์ชั้นนำของไทยและนำเข้าจากต่างประเทศ อีกทั้งยังส่งเสริมและสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย เพื่อพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของตลาดโลกได้ อีกทั้ง เราต้อกงารส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไปอนาคต  

สำหรับปีที่ผ่านมาจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ชยิ่งเติบโตมากขึ้นเป็นเท่าตัว เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากซื้อของช่องทางออฟไลน์มาเป็นช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งเรามองว่าแม้ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะการแพร่ระบาดจะดีขึ้น แต่เทรนด์การซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ไม่มีทางตกลงและมองว่าจะโตกว่าเดิมเพราะพฤติกรรมคนไทยได้เรียนรู้และชินกันการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ไปแล้วส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา เจดีเซ็นทรัล มียอดขายเติบโตสูงถึง 169 % และมีผู้ใช้แอคทีฟโตเกือบราว 50 % มีสัดส่วนลูกค้าอยู่ในกลุ่มผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยตลอดเวลาที่เราทำตลาดในไทยมาราว 3 ปีที่ผ่านมา เรามีสัดส่วนสินค้าที่ขายดีอยู่ในแพลตฟอร์มเราอันดับหนึ่ง คือในกลุ่มของคอมพิวเตอร์ แทปเลต และ มือถือ  แต่เมื่อในปีที่ผ่านมาจากสถานการณ์โควิดส่งผลให้สัดส่วนลูกค้าเรามีผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น และสินค้าในกลุ่มสินค้าอุปโภค บริโภค ทั้งของกินของใช้และเครื่องใช้ไฟฟ้า และ สุขภาพและความงาม มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น

ด้าน นายก่อลาภ สุวัชรังกูร ประธานบริหารฝ่ายการตลาด เจดีเซ็นทรัล กล่าวต่อถึงแผนทำการตลาดปีนี้ของบริษัทว่า สำหรับปี 2021 เจดีเซ็นทรัล ตั้งใจจะพัฒนาระบบอีโคซิสเต็มและโซลูชั่นต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนทั้งผู้ขาย Seller และลูกค้าผู้ใช้บริการโดยพัฒนาทั้ง 4 ด้านหลัก ได้แก่ 

1. JOY TECHNOLOGY โดยยังเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้ผู้ขายสามารถจัดการร้านค้าออนไลน์ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยปีนี้จะมีไฮไลท์อย่าง ฟีเจอร์ใหม่ที่จะเปิดตัว One-click Solution ที่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ขายเพียงการคลิกครั้งเดียว นอกจากนี้ยังมี ระบบ QPS Model ให้คะแนนร้านค้าโดยแบ่งเป็น 3 ด้าน คุณภาพของสินค้า คุณสมบัติตรงตามที่ประกาศลงสินค้าไว้  ,ราคาที่คุ้มค่าที่สุดสมเหตุผล และมีโปรโชมั่นให้ลูกค้าได้เลือก และ การบริการ ตั้งแต่การสอบถาม สั่งซื้อ ไปตลอดจนบริการหลังการขาย

2.JOY RETAIL SOLUTION ปีนี้ยังพัฒนาโซลูชั่นต่างๆ เพื่อสนับสนุนผู้ขาย Seller ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่ช่วยเหลือผู้ขายในทุกขนาดให้สามารถเลือกใช้งานได้ไม่ว่าจะเป็น Service Analysis ระบบช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการให้บริการ Competitor Analysis วิเคราะห์คู่แข่ง Industry Analysis วิเคราะห์ภาพรวมของอุตสาหกรรม และนอกจากนี้ยังมี JOY University ที่จะคอยช่วยเหลือผู้ขายรายย่อย และ SME โดยจะสอนการใช้งานเครื่องมือต่างๆ แบบละเอียดทีละขั้นตอน ถึงแม้จะไม่ถนัดการใช้งานเทคโนโลยีก็จะสามารถเรียนรู้จนใช้ได้อย่างชำนาญ  

3. JOY MARKETING ปีนี้จะเพิ่มในส่วนของระบบ CRM ที่เพิ่มสิทธิประโยชน์ของ E-Voucher และมีพาร์ทเนอร์ใหม่ๆที่เข้าร่วมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังพัฒนาในส่วนของ Online Marketing Ad Solutions ให้กับผู้ขายให้สามารถใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยสามารถจัดการโฆษณาร้านค้าของตัวเองในทุกแพลตฟอร์ม ได้จากช่องทางหลัก

4. JOY FULFILLMENT เน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และเน้นการใช้บริการเป็นสำคัญ โดยปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มอัตราการให้บริการส่งของให้ถึงมือลูกค้าภายในวันถัดไป สูงขึ้น 100 %



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ