สะบัดร้อนสะบัดหนาว : by ณรงค์ ปานนอก

หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงระดับอธิบดีกรมสำคัญ 2 กรม คือกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชแล้ว ดูเหมือนเราจะเห็นความเคลื่อนไหวคึกคักเป็นกระแสการโยกย้ายข้าราชการที่เกี่ยวข้องใน 2 กรมนี้อย่างผิดสังเกต

นั่นคือ ข้าราชการที่เคยเอื้อเฟื้อ และแอบมีผลประโยชน์กับนายทุนที่บุกรุกทำลายป่า และอุทยานของชาติ จะถูก “เด้ง” เร่งด่วนปานจรวด

เห็นชัดที่สุดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ปราจีนบุรี และก้าวลึกไปถึงจังหวัดเลยโน่น ในห้วง 10-20 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า เอกสารสิทธิ์ในที่ดินใกล้ป่าไม้ของหลวง และอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง ถูกแปลงเอกสารให้กลายเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชนแบบ “ที่ดินงอก” มากมาย ผสมผสานกับการบุกรุกแผ้วถางป่า แบบ “เจาะไข่แดง” แล้วปลูกเป็นสวนยาง เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ภายใต้การ “หลิ่วตา” และ “รู้เห็นเป็นใจ” รวมทั้งลงนามยอมรับเป็นที่ดินของเอกชน โดยปรากฏชื่อเจ้าหน้าที่ผู้อนุมัติถูกต้อง...ทั้งๆ ที่หากตรวจสอบจริงจังไม่ซับซ้อนอะไร ก็รู้ว่าเป็นเอกสารแอบอ้างราชการแบบปลอมๆ ดีๆ นี่เอง

ในความรู้สึกของประชาชนคนธรรมดา เมื่อได้ยินข่าวคนถูกจับเรื่องบุกรุกที่ป่าและอุทยาน ก็มักจะเห็นเป็นตาสีตาสา ยายมานางเมี้ยนเป็นส่วนใหญ่ ผู้คนจึงรู้สึกเหมือนกับว่า กฎหมายมีไว้สำหรับเอาผิดคนจนหาเช้ากินค่ำ ไม่เคยได้ยินว่านายทุนรายใหญ่ๆ ที่เป็นตัวการจริงถูกจับซักราย รวมข้าราชการทุจริตด้วย

แต่กับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ คสช.ประกาศปราบปรามผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ส่งกองทหารร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ออกกวาดล้างทุกภาค เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอธิบดีสำคัญของ 2 กรมนี้แล้ว จึงเห็นภาพข่าวและปรากฏการณ์ “ลงแส้” อย่างตื่นตากับเอกชนรายใหญ่และข้าราชการมากขึ้น

ไม่เว้นแม้จะเป็นสายนักการเมือง โดยเฉพาะภาคเหนือ กับภาคใต้

ผมได้ยินกับหู รู้แจ้งจากปาก คุณนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และคุณธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ ว่า คงถึงเวลาแล้วที่จะต้องปราบปรามอย่างจริงจัง เพราะ คสช.คงไม่มอบหมายมาให้นั่งเฉยๆ หรือเลี่ยงปัญหาไปเรื่อยๆ...หากไร้ผลงานหรือทำงานเรื่อยเปื่อยไปวันๆ ก็ควรกลับไปปลูกผักปลูกหญ้าอยู่บ้านดีกว่า

ยิ่งอธิบดีธีรภัทร ได้รับพระราชกระแสจากองค์เหนือหัว ให้ดูแลป่าไม้อย่างเต็มสติกำลังด้วยแล้ว คงต้องปฏิบัติหน้าที่แบบมอบกายถวายชีวิต ไม่เห็นแก่หน้าใครที่ยังหลงอยู่กับการทำลายป่าได้แล้ว

ป่าไม้คงต้องฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน และเพิ่มปริมาณป่าให้มากกว่า 32% อย่างรวดเร็ว

นี่อาจเป็นความฝันของทุกคนว่า เราได้องครักษ์พิทักษ์ผืนป่าและอุทยานแห่งชาติรุ่นใหม่ขึ้นมาแล้ว...คงต้องเป็นหูเป็นตาร่วมมือฟื้นฟูป่าไม้ และเอาผิดกับผู้ลักลอบทำลายป่าอย่างจริงจังเสียที!