ถอดบทเรียน อดีตสู่อนาคต "คุณชายหมูž" บนพันธกิจเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

ถอดบทเรียน อดีตสู่อนาคต


ในที่สุดทางกกต.กลางได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 4 : 1 รับรองผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ให้กับ "คุณชายหมู" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้นั่งเก้าอี้พ่อเมืองกรุงไปเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางปัญหาและอุปสรรค ที่รอคอยอยู่เบื้องหน้าอีกเพียบ เรียกว่าหนทางกลับคืนเสาชิงช้า ในคำรบสองของ "คุณชาย" เที่ยวนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรือปูพรมให้เดินนิ่มๆ สบายเท้าแต่ประการใด หนทางข้างหน้ายังขรุขระ รอยต่อ รอยยับยังมีอยู่เพียบ ให้ได้คิดหรือรบกวน โสตประสาทไม่ว่างเว้น ทั้งเรื่องข้อร้องเรียนที่ยังคั่งค้างอยู่ในกกต., เรื่องของคดีความที่ถูกร้อง อาทิ การต่อสัญญาสัมปทาน รถไฟฟ้าบีทีเอส และเรื่องอื่นๆ
เรียกว่ายังต้องมองไปอีกยาวไกลกว่าปัญหาจะคลี่คลายทีละเปลาะ ทีละเรื่อง ลุ้นกันจนตัวโก่ง แต่ก่อนจะไปถึงเหตุการณ์ ลุ้นระทึกในวันข้างหน้า เราลองมาฟังทรรศนะหรือมุมมองของ นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ อดีตประธานสภากทม., สมาชิกสภากทม.เขตห้วยขวาง 5 สมัย ในฐานะโฆษกสภากทม. คนปัจจุบันกับมุมมองการทำงานของผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้จากนี้ว่าอะไรคือปัญหาและอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น 4 ปีจากนี้
+ 4 ปีข้างหน้ากับการทำงานของผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์มองอย่างไรบ้าง
ผมคิดว่ายุทธศาสตร์การทำงานในฐานะที่เป็นผู้บริหารชุดใหม่ที่จะเข้ามาทำงาน แน่นอนครับว่าครั้งนี้ถ้าเราดูจากผลเลือกตั้งถือว่าเป็นการมอบความไว้วางใจที่สูงที่สุดของประชาชนที่มีต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ฉะนั้นในจำนวน 1.2 ล้านคะแนนถือว่าสูงเป็นประวัติศาสตร์ ฉะนั้นคนที่มีคะแนนเสียงที่ประชาชนมอบ ความไว้วางใจถึงขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามแต่ก็คงจะต้องทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ในสรรพกำลังที่มีอยู่
แต่ผมเรียนอย่างนี้ว่าการทำงานแก้ไขปัญหากรุงเทพมหานครมันไม่ง่าย ถามว่าทำไมผมถึงพูดอย่างนั้น ภายใต้บริบทการทำงานของกทม.ต้องเรียนว่ากทม.เองมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเรื่องงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นอุปสรรคในการที่จะพัฒนาหรือว่าแก้ไขปัญหาให้กับกทม. ค่อนข้างมาก ฉะนั้น ผมคิดว่าในประเด็นตรงนี้ถ้าเราจะตามดูในส่วนของนโยบายที่ทางผู้สมัครแต่ละท่านที่ได้นำเสนอให้กับประชาชนเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจนะครับ ถามว่าถ้าเอานโยบายทั้งหมดเกี่ยวกับการหาเสียงมากางโดยเฉพาะในส่วนของคุณชายสุขุมพันธุ์นี่นะครับ เอามากางแล้วให้แก้ไขปัญหา 4 ปีตามนโยบายที่นำเสนอไปผมคิดว่าคงทำไม่ได้ทั้งหมดนะครับ
+ ภาคแรกของผู้ว่าฯ สิ่งที่ท่านคิดว่าเป็นข้อด้อยมีเรื่องใดบ้าง
คือแน่นอนครับว่าในจุดที่เป็นจุดอ่อนของผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์ที่ผมมองก็คือว่าเรื่องของการขาดการติดตามงานด้วยตัวของท่านเอง อาจจะเป็นเพราะว่าท่านก็อาจจะมีแนวทางในการบริหารจัดการในเชิงของนโยบายที่มอบหมายให้นโยบายไปแล้ว หรือว่ามีคนอื่นช่วยทำทำนองนี้ แต่แน่นอนว่าในกระบวนการการจัดการหรือการทำงานของกทม.นี่ส่วนใหญ่แล้วมันจะโฟกัสมาอยู่ที่แม่ทัพ ก็คือในส่วนของท่านผู้ว่าฯ เป็นหลัก ฉะนั้นประเด็นตรงนี้ผมคิดว่าเป็นจุดอ่อนในการทำงานของท่าน
ประเด็นที่สองก็คือว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาก็ต้องเรียนตรงไปตรงมาว่าในส่วนของท่านผู้ว่าฯ เองการให้น้ำหนักกับการที่ลงไปสัมผัสกับข้อเท็จจริงหรือข้อปัญหาในพื้นที่จริงๆ ก็ยังค่อนข้างน้อย ฉะนั้นประชาชนเองในช่วงต้นถ้าถามถึงความพึงพอใจตามโพลที่มีการสำรวจคะแนนนิยมต่อตัวท่านเราจะเห็นว่าคะแนน นิยมโดยส่วนตัวค่อนข้างน้อยนั่นหมาย ความว่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมานี่การสัมผัส การทำงานแล้วก็การเข้าถึงประชาชนจริงๆ ก็ต้องเรียนว่ามันแตกต่างจากผู้ว่าฯ คนอื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมา
+ การเปลี่ยนรองฯ ฝ่ายโยธาบ่อย ถือเป็นความล้มเหลวหรือไม่
แน่นอนครับว่าคนถ้าไม่มีช่วงจังหวะเวลาอันเหมาะสมในการบริหารงาน ความ ต่อเนื่องในการทำงานก็ค่อนข้างมีปัญหา ประการที่สองก็ต้องเรียนว่าคนถึงแม้จะมีความรู้ทางด้านวิศวกรรม แต่ผมคิดว่าในมุมมองผมคิดว่าคนเหล่านั้นก็คงไม่สามารถ ที่จะมาบริหารทำงานกทม.ให้ประสบความ สำเร็จได้เพราะถ้าไม่เข้าใจภายใต้บริบทการทำงานของกทม. ฉะนั้นเราจะเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมา รองผู้ว่าฯ กทม.หลายท่านที่มาแล้วก็ไป
ส่วนหนึ่งแน่นอนครับว่ามันก็จะมีปัญหาในเรื่องของบริบทในการทำงานว่าในองค์ประกอบที่จะต้องขับเคลื่อนให้ไปสู่ความสำเร็จในเรื่องของการแก้ไขโดยเฉพาะปัญหาทางด้านการโยธา ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาหลักที่หนักหน่วงของกทม.ของเรา ไม่ว่าจะเรื่องการตัดถนนหนทาง การดูแลแก้ไขปัญหาน้ำท่วม หรือแม้แต่เรื่องของการป้องกันดูแลการแก้ไขปัญหาจราจร มันก็จะเกี่ยวข้องกับงานโครงสร้างทางด้านสายงานโยธาเป็นหลัก ตรงนี้ผมคิดว่ามันแน่นอนครับว่าถ้าเป็นมุมมองของผม ผมคิดว่ามันก็น่าจะได้คนที่มาทำงานแล้วเข้าใจบริบทของกทม.ประกอบกับการทำงานมันก็น่าที่จะได้อยู่ยาวแล้วก็ต่อเนื่อง
+ คนที่จะเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งมาจากโควตาพรรคหรือจากผู้มีอุปการคุณ ของผู้ว่าฯ ถือเป็นอุปสรรคไหม
สิ่งที่ผมกังวลก็ต้องเรียนอย่างนี้นะครับว่า คือด้วยความเป็นตัวของตัวเองของท่านผู้ว่าฯ เราก็ต้องเรียนอย่างตรงไปตรงมา ท่านผู้ว่าฯ เท่าที่ผมได้สัมผัสหรือว่าได้ทำงานร่วมกับท่านมาในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ท่านก็มีภาวะการเป็นผู้นำในการตัดสินใจ ผมเรียนอย่างตรงไปตรงมา หลายเรื่องท่านตัดสินใจแล้วประชาชนได้ประโยชน์ โดยที่ไม่ได้คำนึงว่าผลกระทบมันจะตามมาในมิติไหนอย่างไรบ้าง แต่ท่านได้ยึดถือเอาประชาชนเป็นที่ตั้งผ่านทางเวทีสภากทม.หลายครั้ง ขณะที่เราได้มีการประชุมร่วม แล้วท่านได้ชี้แจงและตัดสินใจผ่านทางเวทีของที่ประชุมสภากทม.ซึ่งประชาชนได้ประโยชน์
ฉะนั้น ในครั้งนี้ผมเองก็ยังไม่ทราบว่าหน้าตาของทีมรองผู้ว่าฯ ที่จะมาทำงาน ร่วมกับผู้ว่าฯ กทม.มีหน้าตาเป็นอย่างไร เป็นใคร เพียงแต่ติดตามดู ฟังดูว่ามันน่าที่จะเป็นคนในระบบของการจัดสรรที่มาจากพรรค นั่นหมายความว่าถ้าเป็นอย่างนั้นในเบื้องต้นการทำงานก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าระยะยาวถามว่าโดยโครงสร้างและองค์ประกอบในการทำงาน คนที่น่าที่จะมาเป็นขุนพลคู่ใจในการทำงาน ร่วมกับแม่ทัพ แน่นอนว่าแม่ทัพก็น่าจะมีสิทธิ์เลือกคนของตัวเองเข้ามา ในบางครั้ง บางเรื่องมันก็ต้องมีคนที่ไว้วางใจได้ในการ ที่จะปรึกษาหารือในการที่จะทำงานร่วมกันได้ ถูกไหม
แต่ครั้งนี้ถ้าเป็นไปตามที่กระแสข่าวบอกว่าทีมรองผู้ว่าฯ ทั้ง 4 คน เป็นคนที่ทางพรรคพิจารณาคัดสรรส่งมาให้เป็นทีมงานในการทำงานร่วมกันกับท่านผู้ว่าฯ แต่แน่นอนว่าเราคงไม่ปฏิเสธเพราะว่าผู้ว่าฯ ก็เป็นคนของพรรค แต่ในขณะเดียวกันภายใต้บริบทของการทำงาน ถึงแม้ว่าจะเป็นคนของพรรคก็ตามแต่ โดยข้อเท็จจริงทั่วไปตัวผู้ว่าฯก็คงอยากจะหาสตาฟฟ์หรือคนทำงานที่คิดว่าคุยได้ทุกเรื่อง หารือหาทางออกร่วมกันได้ แล้ว ก็อยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจ แต่ถ้าเป็นคนที่มาจากพรรคบางครั้งท่านผู้ว่าฯมีนโยบายอย่างนี้ พรรคเกิดมีนโยบายอย่าง ทีมรองผู้ว่าฯ ฟังพรรคไม่ฟังผู้ว่าฯ ทำนอง นี้ แน่นอนว่าผลกระทบที่ตามมาในมุมมองของผมก็คือประชาชนก็คงจะไม่ได้ประโยชน์ หรือว่าไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ