เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วแผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา เราจะทำอย่างซื่อตรง ขอแค่เธอจงไว้ใจ และศรัทธา แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ขอคืนความสุขให้เธอ ประชาชน... วันนี้ต้องเหน็ดเหนื่อยก็รู้ จะขอสู้กับอันตราย ชาติทหารไม่ยอมแพ้พ่าย นี่คือคำสัญญา... วันนี้ชาติเผชิญพาลภัย ไฟลุกโชนขึ้นมาทุกครา ขอเป็นคนที่เดินเข้ามา ไม่อาจให้สายไป... แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ความสุขจะคืนกลับมา ประเทศไทย”

ท่อนหนึ่งในบทเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” ที่ร่างขึ้นมาจากมือท่านผู้นำ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”  นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 แห่งสยามประเทศ

ถึงวันนี้เรามีนายกรัฐมนตรีแล้ว แม้จะมาโดยระบบที่ออกจะพิเศษไปกว่าปกติอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีข้อดีเสียทีเดียว อย่างน้อยเรื่องของความเด็ดขาดในการตัดสินใจที่รวดเร็วแต่ที่สำคัญคือต้องรอบคอบ เพื่อบ้องกันความเสียหายของประเทศ แต่ประชาชนก็เชื่อว่าท่าน..เอาอยู่

แต่จากคำสัญญาในบทเพลงนี้ คงถึงเวลาแล้วถ้าประชาชนจะทวงสัญญานั้น โดยเฉพาะเกษตรกร ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไทย จากที่ต้องถูกบังคับให้ดูแถลงการณ์คืนความสุขฯ อยู่ทุกวันทำให้ทราบได้ว่า ปัญหาเกษตรกรเป็นสิ่งที่ท่านนายกฯ ให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเน้นการพึ่งพาตนเองเป็นหลักมากกว่าการแทรกแซงกลไกตลาด ตามระบบประชานิยมซึ่งตรงนี้น่าชื่นชม

นอกจากนี้ ในเรื่องการวาง Road map การจัด Zoning การเกษตรไปจนถึงการควบคุมมาตรฐานสินค้าการเกษตรทั้งส่งออกและใช้บริโภคก็ถือเป็นนโยบายที่ดีทีเดียว

แต่ปัญหาเกษตรกรวันนี้ที่ยังเป็นหญ้าปากคอกอยู่คงไม่พ้นหนี้สินที่รุงรังติดตัวมาชั่วนาตาปีจนยากจะเงยหน้าขึ้นรับรู้เรื่องอื่นใดได้ การทำเกษตรพอเพียง จำเป็นมีต้นทุนอย่างพอเพียงเสียก่อน หนี้เกษตรกรกำลังส่งผลร้ายอย่างหนักเหมือนมะเร็งที่ลามไปทั่ว

นายนิพนธ์ บุตรไฉยา แกนนำเครือข่ายเกษตรกรกองทุนฟื้นฟูพร้อมเกษตรจากจังหวัดต่างๆ กว่า 50 คน เปิดเผยว่าได้ขอความช่วยเหลือไปทางกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร เพื่อติดตามการแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร โดยผ่านทางนายพัชรพันธุ์ จันทร์ขจร เลขาธิการกองทุนฟื้นฟูฯ โดยเฉพาะเกษตรกรที่มีมูลหนี้เกิน 2.5 ล้านบาท ที่ได้รับมติคณะกรรมการกองทุนฯ ให้ขยายเพดาน และไม่มีกรอบในการชำระหนี้ แต่ก็ยังมีเกษตรกรหลายรายยังคงไม่ได้รับ การแก้ปัญหาและถูกธนาคารเจ้าของหนี้ติดตามฟ้องบังคับคดี ซึ่งที่ผ่านมาในเรื่องนี้อยู่ในส่วนการแก้ปัญหาของกองทุน ฟื้นฟู แต่เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนไป เรื่องก็เงียบหาย ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจากการฟ้องร้องบังคับคดีของเจ้าหนี้ และยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ปัญหา

ด้านนายพัชรพันธุ์ จันทร์ขจร เลขาธิการกองทุนฟื้นฟูฯ กล่าวว่า หลังจากได้รับเรื่องความเดือดร้อนของเกษตรกรลูกหนี้แล้วจะเร่งเจรจากับธนาคารเจ้าหนี้เพื่อหาทางออกอย่างเร็วที่สุด และจะตรวจสอบแต่ละกรณีอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและที่ผ่านมาก็มีหลายกรณีที่มีการค้าความจน ซึ่งตรงนี้เป็นปัญหามาโดยตลอดแต่หากเป็นความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริงแล้ว ทางกองทุนฯไม่ได้นิ่งนอนใจและพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

ล่าสุด กลุ่มเครือข่ายฟื้นฟูหนี้สินเกษตรกร ได้แจ้งผ่าน “สยามธุรกิจ” ว่า การเข้าหารือของเลขาธิการ กองทุนฟื้นฟูเกษตรกร เพื่อติดตามการแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด และธนาคารเจ้าของหนี้ยังคงถูกบังคับ คดี สร้างความเดือดร้อนให้เกษตรกรเป็นจำนวนมาก แกนนำและเกษตรกรจึงเตรียม ที่จะเดินทางเข้าพบคณะรักษาความสงบฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ พร้อมทั้งเตรียมที่จะกดดันทางกองทุนฯ ให้รักษาสัญญาที่ได้ให้ไว้กับเกษตรกร โดยละเลยที่จะให้คำตอบเกี่ยวกับความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว จนทำให้ทางธนาคารเจ้าหนี้เร่งดำเนินการบังคับคดีกับทางเกษตรกร