สสอท.ยื่นขอความเท่าเทียมแนะแบ่งเกรดมหา{apos}ลัย

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สสอท.ยื่นขอความเท่าเทียมแนะแบ่งเกรดมหา{apos}ลัย


ทีมข่าวการศึกษาสยามธุรกิจได้รับคำเชิญให้เป็นหนึ่งในสามสื่อที่จะมีโอกาสร่วมสัมภาษณ์พิเศษ "ดร.บัญชา เกิดมณี" นายกสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย หรือ สสอท. อย่างใกล้ชิด โดยประเด็นเกี่ยวกับเรื่องขอความเท่าเทียมระหว่าง ม.รัฐกับเอกชน และกรณียื่นข้อเสนอเชิงนโยบายถึงนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพิจารณาแก้ไขเร่งด่วน ณ ห้องอาหารจีนไดนาสตี้ Dynasty Restaurant โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร
การสัมภาษณ์พิเศษเริ่มขึ้นหลังจากที่ผู้สื่อข่าวและ "ดร.บัญชา เกิดมณี" มาพร้อมเพรียงกันในห้องอาหาร จากนั้นเขา ก็ได้ทักทายพร้อมเริ่มการสัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลท่าทางยิ้มแย้มทำให้บรรยากาศในห้องไม่ตึงเครียดถึงแม้ว่าประเด็นจะฟังแล้วค่อยข้างซีเรียสก็ตามที โดยเขาได้เล่าว่า "สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้เท่าเทียมกับสถาบัน การศึกษาของรัฐมาโดยตลอดเหตุเพราะรัฐยังไม่มีมาตรฐานต่อการจัดการต่างๆ กับสถาบันอุดมศึกษาเอกชนทำให้บางสถาบันฯ เกิดปัญหาขึ้น แล้วพอเกิดปัญหา ทางคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ก็จะมาออกกฎระเบียบเพื่อควบคุมสถาบัน อุดมศึกษาเอกชนทั่วประเทศ แบบเหมารวม ทั้งนี้ไม่มีการแบ่งแยกว่าสถาบันฯ แห่ง ไหนดี หรือไม่ดี เช่น กรณีการขายปริญญาบัตร การรับสมัครเด็กเข้าเรียนใน หลักสูตรที่ยังไม่ได้รับการรับรองจากสภาวิชาชีพ ทำให้นักศึกษาไม่สามารถไปสมัคร- งานหรือศึกษาต่อได้ หรือการเปิดศูนย์การศึกษานอกที่ตั้ง แต่กลับไม่มีมาตรฐาน เป็นต้น"
ซึ่งพอเกิดปัญหาเหล่านี้ทาง สกอ.ก็ออกกฎระเบียบควบคุมสถาบันอุดม ศึกษาเอกชนทั้งหมด หากพิจารณาจะเห็น ว่าสถาบันอื่นที่ดีหรือทำถูกอยู่แล้วต้องถูก ร่างแหไปด้วย ซึ่งคิดว่าสถาบันฯ ไหนดีก็ควรส่งเสริม แต่ถ้าสถาบันฯ ไหนไม่ดีก็ควรช่วยดูแลแก้ไข หรือควรจะแบ่งสถาบัน อุดมศึกษาออกเป็นระดับหรือเกรด โดยถ้าเป็นสถาบันในกลุ่มที่อยู่เกรด A ก็ให้ปล่อยสถาบันพัฒนามาตรฐานอย่างเต็มที่เพื่อสากล แต่ถ้าสถาบันไหนอยู่ในเกรดรองลงมาก็ให้ช่วยกันประคับประคองเพื่อให้ก้าวขึ้นสู่ระดับเกรด A ได้ ไม่ใช่ว่าพอมีปัญหาก็เหมารวมจัดการอยู่ในคอกเดียว กัน ทั้งๆ ที่หลายๆ แห่งเขาพัฒนาไปไกลแล้ว สสอท.จึงอยากเรียกร้องให้รัฐต้องมีระบบการจัดการที่ชัดเจน มีการคุ้มครองสถาบันการศึกษาเอกชนให้ได้รับความเป็น ธรรมเพื่อที่จะได้พัฒนาให้ก้าวหน้ากันต่อๆ ไป
มาถึงบรรทัดนี้ "ดร.บัญชา" กล่าวถึงข้อเสนอเชิงนโยบายที่ทาง สสอท. ยื่นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการว่า "ในปีพ.ศ.2555 ทางสสอท.ได้ส่งจดหมาย ถึง รมต.ศธ. เชิงนโยบายให้พิจารณาเร่งด้วย 6 ข้อ ได้แก่ กล่าวว่า หลังจากที่สมาชิกสสอท.ได้รวบรวมปัญหา ระดมความคิดเห็นกันแล้วจึงได้สรุปเป็น "ข้อเสนอเชิงนโยบาย" ยื่นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรวม 6 ข้อดังนี้ 1.การ กำกับ ติดตาม การประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาให้มีมาตรฐานเดียวกับสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ซึ่งปัจจุบันมีหลายเรื่องที่ยังไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 เช่น เรื่องการรับรองวิทยฐานะ การให้ปริญญากิตติมศักดิ์ ภาษีมูลค่าเพิ่มการวิจัย และการใช้โครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีทางการศึกษา เป็นต้น 2.การประเมินการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน ซึ่งทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเรียกเก็บภาษีในอัตรา เดียวกับสถานประกอบการเชิงพาณิชย์ รวมถึงการประเมินจัดเก็บภาษีในพื้นที่ที่เป็นศาสนสถานประจำมหาวิทยาลัยด้วย ทั้งที่มาตรา 46 และมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2542 ได้กำหนดแนวทางการส่งเสริมและสนับ สนุนการศึกษาของภาคเอกชนไว้อย่างชัดเจน แต่ภาครัฐมิได้ดำเนินการ 3.การสนับสนุนงบประมาณด้านการวิจัยจากหน่วยงานของภาครัฐ ซึ่งทางรัฐบาลเคยให้การสนับสนุนเรื่องนี้ ต่อมาปีพ.ศ.2545 มีการปฏิรูปการศึกษา รัฐบาลได้ยกเลิกเงิน สนับสนุนจำนวนนี้ ทั้งนี้ ทางสสอท. เคยตั้งข้อเสนอขอให้รัฐบาลจัดการอุดหนุนและส่งเสริมสถาบันการศึกษาเอกชนตาม นัยมาตรา 71(2) จัดตั้งกองทุน เพื่อพัฒนาในด้านต่างๆ และ (4) ส่งเสริมและ สนับสนุนให้มีการใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่าง สถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชนแห่ง พ.ร.บ.พ.ศ.2546"
"4.การประกาศยกเลิกการจัดการศึกษาในหลักสูตรต่อเนื่องทำให้ช่องทาง การศึกษาต่อของผู้สำเร็จการศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ลดลงและมีค่าใช้จ่ายรวมถึงต้องเสียเวลา เพิ่มมากขึ้น เมื่อใช้วิธีการเทียบโอนการศึกษาสู่การศึกษาในระดับปริญญา ซึ่งขณะ นี้สกอ.อนุญาตให้มีหลักสูตรต่อเนื่องได้ในสาขาวิชาการทางการช่างและเทคโนโลยีเท่านั้น จึงสมควรที่จะเปิดกว้างในทุกสาขาวิชา 5.การรับตรงของสถาบันอุดม ศึกษาของรัฐ ซึ่งมีการเปิดรับตรงอย่างกว้างขวางอีกทั้งยังเปิดคัดเลือกตลอดปีด้วย ทำให้ส่งผลกระทบต่อนักเรียนและผู้ปกครองที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึง ยังส่งผลกระทบต่อสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ด้วย และ 6.การเปิดโอกาสให้ผู้แทนของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนได้เข้าไปมีบทบาทในการทำงานร่วมกับคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ซึ่งการสรรหา กกอ. ชุดใหม่ ที่กำหนดให้มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มีความรู้ความสามารถและเชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆ จำนวนไม่เกิน 14 คน ในอดีตที่ผ่านมาสกอ.กำหนด ให้มีผู้แทนของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนเพียง 2 คน ซึ่งทาง สสอท. ได้เสนอให้สกอ.พิจารณาแต่งตั้งผู้แทนที่สมาคมพิจารณาคัดเลือกกันเองตามเกณฑ์คุณ-สมบัติของสกอ. กำหนดจำนวน 4-5 คน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมในคณะกรรมการการอุดมศึกษาอย่างแท้จริง"
และนี่เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรจะเร่งช่วยกันแก้ไขปัญหา ต่างๆ เพราะการศึกษาถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาของประเทศชาติ อย่างไรก็ตามทางทีมงานฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะหาทางออกที่ดีที่สุดของทั้งสองฝ่าย และอยากฝากให้เป็นกรณีศึกษาซึ่งควรจะป้องกันก่อนที่จะมาแก้ไข มิใช่ "วัวหายล้อมคอก"


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ