ทีมข่าวการศึกษาสยามธุรกิจได้รับคำเชิญจากทีมประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยสยามให้ไปร่วมงานแถลงข่าวการเปิดหลักสูตรแพทย์ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับโรงพยาบาลตำรวจ และที่สำคัญเป็นการครบรอบ 40 ปีแห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยฯ อีกด้วยโดยจัดขึ้น ณ ห้องกมลพร โรงแรม เดอะ สุโกศล
งานนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่ทีมข่าวจะได้พบได้เห็นกับบรรยากาศที่แสนจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะมีแขกผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสององค์กร รวมถึงสื่อ มวลชนแขนงต่างๆ มาร่วมงานกันอย่าง ล้นหลามจนทำให้ห้องที่จัดไว้แน่นไปถนัดตาจนเก้าอี้ที่เตรียมไว้เต็มทุกที่นั่ง
การแถลงข่าวเริ่มขึ้นหลังจากพิธีกรแนะนำ ดร.พรชัย มงคลวนิช อธิการบดี มหาวิทยาลัยสยามและพลตำรวจโทนายแพทย์จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ8) โรงพยาบาลตำรวจ เสร็จสิ้นลง โดยเริ่มต้นที่ ดร.พรชัย มงคลวนิช อธิการบดี มหา วิทยาลัยสยาม ได้กล่าวทักทายแขก
ผู้มีเกียรติด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลสุภาพ พร้อมเปิดเผยว่า "ด้วยความมุ่งมั่นของ มหาวิทยาลัยสยาม ในการจัดการศึกษา ที่มีคุณภาพและผลิตบุคลากรที่มีศักยภาพสู่สังคมไทยมากกว่า 40 ปี ได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบด้านการศึกษามาโดยตลอด มหาวิทยาลัยมีราก ฐานที่พัฒนามาจากด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต่อมาด้วยความพร้อมของทรัพยากรทั้งทางด้านกายภาพและด้านบุคลากร จึงขยายขอบเขตการ จัดการศึกษาเข้าสู่ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ และประสบความสำเร็จการจัดการเรียนการสอนในคณะพยาบาลศาสตร์ที่เปิดดำเนินการมากว่า 18 ปี มีนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาไปเป็นพยาบาลวิชาชีพประมาณ 1,000 คน"
"ปัจจุบันมหาวิทยาลัยได้เปิดหลักสูตรเภสัชศาสตร์เพิ่มเติมอีกหลัก สูตรหนึ่ง ใช้เวลาศึกษา 6 ปี เพื่อให้ การจัดการเรียนการสอน เอื้อประโยชน์ และสอดคล้องกับความต้องการของสังคม ทั้งนี้ ทุกหลักสูตรที่มหาวิทยาลัย เปิดสอนได้รับการรับรองจากสภาวิชา ชีพ และในปีการศึกษา 2556 มหาวิทยาลัยสยามภูมิใจที่จะนำเสนอการเปิดหลักสูตรใหม่คือ หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตที่ได้รับการรับรองหลัก สูตรจากแพทยสภาให้เปิดรับนักศึกษาได้ ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งที่สองของประเทศที่ได้รับอนุญาตให้จัดการเรียนการสอนเพื่อผลิตบัณฑิตทาง การแพทย์"
เมื่อเราถามว่าเหตุใดมหาวิทยาลัยสยามจึงได้ตัดสินใจเปิดการเรียนการสอน คณะแพทยศาสตร์ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่ง ที่สองต่อจากมหาวิทยาลัยรังสิต ดร.พรชัย กล่าวว่า "การเปิดการเรียนการสอนใน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม มอง ว่า แพทย์เป็นบุคลากรที่มีความจำเป็นมาก ในปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังประสบปัญหา ขาดแคลนแพทย์ ทางมหาวิทยาลัยมีการ เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดคณะแพทย์มาระยะเวลาหนึ่งแล้ว และขณะนี้ได้ รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลตำรวจให้เกียรติรับเป็นสถาบันหลักในการร่วมผลิตบัณฑิตแพทย์ของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสยาม ให้เป็นแพทย์ที่มีคุณ-สมบัติพร้อม สามารถปฏิบัติงานได้จริง มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน"
"โดยนักศึกษาแพทย์ทุกคนจะได้รับการฝึกภาคคลินิกจากโรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลชุมชนในเครือข่ายของโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษา แล้วจะสามารถทำงานได้ในโรงพยาบาลทั้งในเขตเมืองและชุมชน นอกจากนี้ มหา-วิทยาลัยยังมองไกลไปถึงการที่ประเทศไทย จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ในปี 2558 ดังนั้น สำหรับนักศึกษาทุกคณะรวมทั้งนักศึกษาจากคณะ แพทยศาสตร์จะต้องเตรียมความพร้อมด้านความรู้ความเข้าใจในเรื่องอาเซียน ด้วยการเรียนรู้และเสริมประสบการณ์ด้าน ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนจากรายวิชา "อาเซียนในโลกยุคใหม่" ซึ่งได้เชิญผู้สอนที่มีประสบการณ์ความรู้ในเรื่อง อาเซียนทั้งจากกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานต่างๆ มาร่วมสอนกับคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยด้วย"
และทางด้าน พล.ต.ท.นพ.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาล ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอุปนายกแพทยสภา กล่าวว่า "จุดมุ่งหมาย สำคัญอันดับแรก คือการผลิตแพทย์เพื่อดูแลสุขภาพของคนไทยก่อน ทำอย่างไรที่จะให้ประชาชนของไทยมีสุขภาพที่ดี กินดี อยู่ดี ตรงนี้สำคัญที่สุด เพราะประเทศไทย ยังต้องการแพทย์ชนบทอีกมาก แนวทางของโรงพยาบาลตำรวจ คือการผลิตแพทย์ เพื่อรับใช้คนไทย และต้องเป็นแพทย์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานตามสากล ไม่ใช่แค่ผลิตแพทย์ตามมาตรฐานของไทยเท่านั้น เพราะประเทศไทยไม่ได้อยู่เดี่ยวๆ ในโลก โดยเฉพาะในอนาคตอันใกล้เราก็จะเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนด้วย ด้วยความ พร้อมของโรงพยาบาลตำรวจ ทั้งด้านบุคลากร (อาจารย์แพทย์) ที่มีประสบการณ์การดูแลนักศึกษาแพทย์มาก่อน
และความพร้อมด้านการบริการของโรงพยาบาลที่รองรับผู้ป่วยได้ครอบคลุมทุกสาขาตามเกณฑ์ของแพทยสภา นอกจากนี้ ยังมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านนิติเวช ศาสตร์ โรงพยาบาลตำรวจจึงมีความยินดี มีส่วนร่วมเป็นโรงพยาบาลหลักในการผลิต แพทย์ของมหาวิทยาลัยสยาม ซึ่งจะมีเอกลักษณ์ตามความเชี่ยวชาญของโรงพยาบาลตำรวจด้วย"