Toggle navigation
วันอาทิตย์ ที่ 22 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ปัญหาเศรษฐกิจดัชนีวัดอายุ ‘ประยุทธ์ 1’
ปัญหาเศรษฐกิจดัชนีวัดอายุ ‘ประยุทธ์ 1’
วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557
Tweet
แล้ววันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาล “ประยุทธ์1” จำนวน 33 คน 34 ตำแหน่ง ถือเอาฤกษ์วันที่ 9 เดือน 9 ประเดิมเข้าทำเนียบรัฐบาล ด้วยการประชุมครม.นัดแรก เพื่อแบ่งงานอย่างเป็นทางการ
อนาคตจากนี้ไป ประเทศไทยจะ “โชติช่วง” หรือ “ร่วงหล่น” ขึ้นอยู่กับฝีมือบริหารราชการแผ่นดินของ ครม.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่งหัวหน้า คสช. มีอำนาจครอบคลุมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม จะเป็นผู้ดูแล
จากการสำรวจโพลหลายสำนักต่อโฉมหน้า “รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์” นับว่ามีเสียงตอบรับในระดับดี ความเชื่อมั่นประชาชนต่อตัวนายกรัฐมนตรี สูงกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ความเชื่อมั่นต่อคณะรัฐมนตรีในภาพรวมอยู่ที่ 75 เปอร์เซ็นต์ และอีก 70 เปอร์เซ็นต์คาดหวังว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำงานดีกว่ารัฐบาลชุดก่อนๆ
สำหรับงานแรกที่อยากให้คณะรัฐมนตรีใหม่ทำมากที่สุด ลดหลั่นกันลงไป คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูง สินค้าอุปโภคบริโภคราคา แพง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เช่น ข้าว ยางพารา และปัญหาคอร์รัปชั่น
จากตัวเลขโพลดังกล่าวเป็นเครื่องบ่งชี้ได้อย่างหนึ่งว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์เข้ามาโดยมีต้นทุนสูงพอสมควร แต่ขณะเดียวกันก็สะท้อนว่า เมื่อเข้ามาแล้วต้อง “แบกน้ำหนัก” ความคาดหวังของประชาชนไว้ไม่น้อยเช่นกัน ทั้งนี้เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่าพล.อ.ประยุทธ์และคสช.นั้น จัดลำดับความสำคัญให้งานปฏิรูปอยู่ในอันดับต้นๆ แต่ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน ราคาพืชผลตกต่ำ สวนทางราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่รอกระหน่ำใส่รัฐบาล สถานการณ์อุทกภัยที่เริ่มก่อตัวจากภาคเหนือ-อีสาน คาดว่าจะแผ่วงกว้างมาถึงภาคกลางในเร็วๆ นี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลใหม่จะนิ่งนอนใจได้
เมื่อหันไปดู “ดรีมทีมเศรษฐกิจ” ของรัฐบาลที่นำทีมโดย “ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล” รองนายกฯ เศรษฐกิจ อดีตรัฐมนตรีคลังใน “รัฐบาลสุรยุทธ์” หรือที่เรียกว่า “รัฐบาลขิงแก่” แล้วยังมี “นายสมหมาย ภาษี” รมว.กระทรวงการคลัง “นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช” รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม “นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา” รมว.กระทรวงเกษตรฯ “พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัล ยะ” รมว.กระทรวงพาณิชย์ และ “พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง” รมว.กระทรวงคมนาคม รวมทั้ง “กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร” รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เหล่านี้ล้วนเป็นส่วนผสมระหว่างทหารผสมอดีตข้าราชการ จะเห็นว่ากระทรวงที่มีทหารคุม ก็จะมีอดีตข้าราชการไปช่วย อาทิ “นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ที่เป็นรมช.กระทรวงคมนาคม และ “อภิรดี ตันตราภรณ์” รมช.กระทรวงพาณิชย์ อาศัยความเด็ดขาดของทหาร อาศัย “คอนเน็กชั่น” ภาคธุรกิจและรู้ปัญหาในกระทรวงของอดีตข้าราชการ
ได้แต่หวังว่า “ดรีมทีม ศก.” ชุดนี้คงจะสามารถรับ “งานใหญ่” ที่รออยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การส่งออกและราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปฏิรูปพลังงานแผนการลงทุนระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ปฏิรูปภาษี เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ รวมถึงลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
ล่าสุด “ทีมเศรษฐกิจ” ของ “รัฐบาลประยุทธ์ 1” กำลังเริ่มนับหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2557 เพื่อที่จะดันให้เศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศขยายตัวให้ได้ร้อยละ 2 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำลังซุ่มทำนโยบายกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงการคลัง มีโจทย์ใหญ่คือทำอย่างไรให้เศรษฐกิจขยายตัว 2% เพราะถ้าไม่ทำอะไร มีความเป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจจะต่ำกว่า 1.5%
โดยในช่วง 2 เดือนที่ “คสช.” เข้าบริหารประเทศมีความพยายามทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแต่ก็ไม่ได้ดีเท่าที่ควร แม้จะเร่งรัดทั้งจ่ายเงินจำนำข้าว ปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน คงภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ออกมาตรการช่วย SMEs ทำให้มองกันว่าเมื่อมีรัฐบาลใหม่จะต้องมี “แพ็กเกจใหม่” ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี
ขณะที่ “สมหมาย ภาษี” รมว.กระทรวงการคลัง กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ว่าเรื่องเศรษฐกิจซบเซาช่วงนี้เป็นไปตามวงจรของภาวะเศรษฐกิจ (ไซเคิล) ที่มีขึ้นก็ต้องมีลง ซึ่งรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ ทั้งนายกฯ กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังพิจารณาว่าจะใช้มาตรการพิเศษอะไรมาดูแลภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ โดยภายหลังเข้ามารับตำแหน่ง จะทำให้เห็นมิติใหม่ของการระดมทุนเพื่อมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพราะการลงทุนเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กับเศรษฐกิจ
ขณะที่ “จักรมณฑ์ ผาสุกวนิช” รมว. กระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า จากการพูดคุยกับนักลงทุนต่างชาติ ส่วนใหญ่มองว่าการที่ คสช.ตั้งรัฐบาลใหม่ได้ตามที่กำหนด ช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน 100% โดยนักลงทุนขนาดใหญ่อยากให้รัฐบาลปล่อยให้ดำเนินธุรกิจอย่างเสรี และอย่าออกมาตรการที่บิดเบือนกลไกตลาด
ส่วนภาคการท่องเที่ยวนั้นยังติดปัญหากฎอัยการศึก จึงต้องลุ้นว่า 54 ประเทศที่เคยประกาศเตือนให้เลี่ยงการเดินทางมาไทยนั้นจะยกเลิกคำเตือนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ดูเหมือนจะผ่อนคลายลงและมีแนวโน้มว่าจะประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในเร็ววันนี้ น่าจะช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติตัดสินใจง่ายขึ้นที่จะกลับมาเที่ยวไทยในช่วงปลายปีที่เป็นไฮซีซั่น ของการท่องเที่ยวไทย
ขณะที่ “ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์” อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่าบุคคลที่มานั่งเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่ เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ อีกทั้งการที่นายณรงค์ชัย อัครเศรณี มาดำรงตำแหน่งรมว.กระทรวงพลังงานถือว่าเซอร์ไพรส์มาก ทั้งนี้ ภารกิจของแต่ละกระทรวงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย อาทิ กระทรวงการคลัง ต้องมีการปรับโครงสร้างภาษีให้เหมาะสม เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณทั้งปี 57 และ ปี 58 กระทรวงพลังงาน ต้องปรับราคาพลังงานประเภทต่างๆ ให้เหมาะสมพิจารณาการต่ออายุสัมปทาน เจรจาใช้พื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย ส่วนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ มองว่าไม่จำเป็นต้องเน้นอะไรเป็นพิเศษนอกจากการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณและการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ
ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าจะขยายตัวได้ไม่ถึงร้อยละ 2 และการส่งออกโตได้ร้อยละ 1-2 เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกมีอัตราการขยายตัวได้ไม่มาก
ส่วน “นายกลินท์ สารสิน” กรรมการเลขาธิการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยและต่างชาติปรับตัวดีขึ้น แต่ทั้งนี้รัฐบาลจะต้องเร่งเดินหน้านโยบายที่เร่งด่วน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ รวมทั้งการพัฒนาด้านการค้าชายแดน ซึ่งจะเป็นตัวสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ดีขึ้น ขณะที่สภาหอการค้าจะนำข้อสรุปของยุทธศาสตร์สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยที่มีการประชุมกันเป็นครั้งแรกในวันนี้ เมื่อได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะนำเสนอให้ กรอ.พิจารณา ก่อนรวบรวมเป็นข้อเสนอแนะให้กับรัฐบาลชุดใหม่ต่อไป
ทั้งหมดนี้ ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยในห้วงนี้ยังโงหัวไม่ขึ้น อยู่ในภาวะอ่อนไหว กลายเป็น “จุดอ่อน” ที่รัฐต้องแก้อย่างเร่งด่วน จึงเป็นงานหนักและท้าทาย “ดรีมทีม” อย่างยิ่ง
มีการวิเคราะห์กันว่าเรื่อง “ความมั่นคง” อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของรัฐบาลชุดนี้ ที่เป็นปัญหาใหญ่คือเรื่อง “เศรษฐกิจ” ไม่เพียงเป็นปัญหาใหญ่ หากแต่ยังเป็นปัจจัยกำหนดด้วยว่า
รัฐบาลจะอายุยาวหรือสั้นกว่าใน “โรดแมป” !!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ