รายงานพิเศษ

การปะทะกันล่าสุดระหว่าง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตผู้ว่าฯหลายจังหวัด ที่ระบุผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว และสื่อมวลชนแทบทุกแขนงเล่นข่าวนี้ คือการพาดพิงถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)

โดยเฉพาะ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในทางเสียหายว่าท้องถิ่นใช้จ่ายฟุ่มเฟือย มีนายก อบจ. ดื่มไวน์ขวดละแสน นั่งเครื่องบิน ชั้นเฟิร์สคลาส มีเลขานั่งคุกเข่าเป็นชั่วโมงถามหากะปิน้ำปลาบนเครื่องบินและฝากเพื่อนซื้อบ้านพักตากอากาศที่ยุโรป

กระทั่งถูกตอบโต้แบบไม่ไว้หน้า เสียผู้หลักผู้ใหญ่ในที่สุด เนื่องจากชาว อบจ.ออกแถลงการณ์ในนามสมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย ประณามทัศนคติดังกล่าวของ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมแต่งชุดดำประท้วงทั่วประเทศ จนจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว สร้างความแตกแยกในหมู่มวลคนท้องถิ่นกับราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

อันขัดแย้งกับแนวทางการสร้างความสมานฉันท์และการปรองดองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรี ย้ำนักย้ำหนาในทุกวันศุกร์

กระทั่งม.ล.ปนัดดา ต้องต่อสายโทรศัพท์ถึงชัยมงคล ไชยรบ นายกสมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย เพื่อขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด และพูดผ่านสื่อมวลชนด้วย แต่นั่นไม่ได้ทำให้คน อบจ.คลายกังวล เพราะชัดเจนว่า ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อคนท้องถิ่นมานานแล้ว โดยเฉพาะคน อบจ.

เรื่องทำท่าจะบานปลาย แต่ก็จบลงด้วยดี เมื่อชัยมงคล ไชยรบ นำคณะนายก อบจ.เข้าพบ เพื่อเคลียร์ใจกัน และสุดท้ายก็มีการจัดไม้จับมือกัน เป็นพันธมิตร เพื่อทำงานร่วมกันระหว่างท้องถิ่นและส่วนกลาง

ผ่านมาไม่นาน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็โดนข้อหาเดียวกัน นั่นคือใช้จ่ายงบประมาณของแผ่นดินอย่างฟุ่มเฟือย จากกรณีการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารในทำเนียบรัฐบาล ทั้งตึกไทยคู่ฟ้า และตึกบัญชาการ และที่ฮอตที่สุดตอนนี้คือ การจัดซื้อจัดจ้างไมค์และระบบต่างๆ ในห้องประชุมของคณะรัฐมนตรี

ไมค์ ตัวละกว่า 1.4 แสนบาท ชาวบ้านงงกันทั้งประเทศ ว่าไมค์หุ้มด้วยทองหรืออย่างไร ทำไมแพงได้ขนาดนี้ และสุภาพบุรุษนักปกครองอย่าง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ก็ออกมาแก้ข่าวดังกล่าว ว่าตัวเองไม่ได้จัดซื้อจัดจ้าง เป็นอำนาจของกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่สำคัญไมค์ไม่ได้แพง และไม่ฟุ่มเฟือยอย่างที่เข้าใจ

เมื่อตรวจสอบในเชิงลึกว่า การจัดซื้อจัดจ้างได้ใช้วิธีพิเศษ และ จากเอกสารประมาณค่าก่อสร้าง ที่แจกแจงตามค่าติดตั้งระบบเสียง ระบบภาพ ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง และระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ (Video Conference) ของห้องประชุม 501, 301, 302 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ตามที่ฝ่ายประมาณราคา ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ กรมโยธาธิการและผังเมือง ประมาณการออกมานั้น มีดังนี้

1.ไมโครโฟนชุดประชุม ยี่ห้อ BOSCH รุ่น DCNM-MMD ราคาต่อหน่วย 139,690 บาท

2.ก้านไมโครโฟน ยี่ห้อ BOSCH รุ่น DCNM-MMD ราคาต่อหน่วย 18,300 บาท

3.ชุดควบคุมและจ่ายกระแสไฟ ยี่ห้อ BOSCH รุ่น DCNM-MMD ราคาต่อหน่วย 173,410 บาท

4.ชุดจ่ายกระแสไฟ ยี่ห้อ BOSCH รุ่น DCNM-MMD ราคาต่อหน่วย 91,520 บาท

ดังนั้นเฉพาะก้านไมค์ก็ราคาเกือบ 2 หมื่นบาทแล้ว ทั้งนี้ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในส่วนของโปรแกรม ที่คาดว่าอีกหลายแสนบาท

ทำให้สังคมตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องดังกล่าวว่า มันอะไรจะขนาดนี้ ไหนว่ายึดความพอเพียง ไม่ฟุ่มเฟือย แต่ทำไมราคาฉีกหัวใจคนไทยอย่างนี้ เพราะที่ผ่านมาก็ช็อกกับนาฬิการาคาเรือนละ 7 หมื่นของรัฐสภามาแล้ว นี่เจอราคาไมค์กว่า 1.4 แสนบาท อึ้งกันทั้งประเทศ

ในเว็บไซต์ต่างๆ มีการพาดพิงไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ว่า เรื่องนี้ปล่อยให้เงียบไปเฉยๆ ไม่ได้ ต้องมีการตรวจสอบอย่างถึงที่สุด เพราะหากไมค์แพงได้ขนาดนี้ การปฏิรูปทั้ง 11 ด้านต่างๆ ที่วางโรดแมปกัน น่าจะเป็นเรื่องของการปาหี่ หรือล้อกันเล่นมากกว่า

สำคัญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ต้องเข้ามาตรวจสอบ โดยเฉพาะ สตง.มักทุ่มเทไปกับการตรวจสอบหน่วยงานอื่น และโฟกัสไปที่ท้องถิ่น แต่หน่วยงานระดับชาติอย่างทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภากลับไม่ดำเนินการอะไร

เรื่องไวน์ขวดละ 1 แสน กับไมค์ตัวละ 1.4 แสนบาท ที่จุดกำเนิดเกิดจาก ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้หน้าด่าคนอื่น โดยเฉพาะท้องถิ่น ฟุ่มเฟือย หากจะว่ากันแฟร์ๆ ถ้านายก อบจ.คนใดใช้เงินส่วนตัวเพื่อการดังกล่าวก็คงจะเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะไวน์ราคาขวดละ 1 แสนบาท ไปเบิกเงินหลวงไม่ได้

แต่ไมค์ตัวละ 1.4 แสนบาท เป็นงบประมาณแผ่นดิน เป็นเงินของคนไทยทั้งชาติ ที่ปัจจุบันก็ยังเป็นหนี้เป็นสินอยู่ พวกท่านรวมหัวกันทำอย่างนี้ จะให้ชาวบ้านเขาไว้วางใจได้อย่างไร

สุดท้ายไวน์ขวดละ 1 แสน กับไมค์ตัวละ 1.4 แสน ก็เป็นเรื่องของนักการเมืองแทบทั้งสิ้น เป็นเรื่องของว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง ไม่เกี่ยวกับชาวบ้านตาดำๆ เลยแม้แต่น้อยนิด