นายโรเบิร์ต แคนเดลิโน ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ประเทศไทยและอาเซียน กล่าวว่า แม้จากข้อมูลว่าทาง “นีลเส็น” คาดการณ์ว่าปีภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมูลค่า“แสนล้านบาท” ในปี 2563 ปีนี้ ตลาดอยู่ในภาวะติดลบเป็นประวัติการณ์ อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจและโควิด-19 ที่ยังไม่มีความแน่นอนซึ่งเราคงปฎิเสธไม่ได้ว่าปีนี้เป็นปีที่ท้าทายอย่างมากสำหรับทุกคน สถานการณ์ที่ยากลำบากจากโรคระบาดส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ และความไม่สงบทางการเมือง และส่งผลกระทบต่อหลายภาคธุรกิจ แต่ยูนิลีเวอร์ยังคงยืนหยัดที่จะดูแลชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนและสังคมของเรา ดังเช่นที่เราทำมาตลอด โดยที่ผ่านมา เราได้บริจาคผลิตภัณฑ์มูลค่า 200 ล้านบาท ได้แก่ เจลทำความสะอาด ผงซักฟอก ผลิตภัณฑ์คนอร์และวอลล์ ชุดตรวจหาเชื้อโควิด และเครื่องช่วยหายใจ อีกทั้งยังดูแลพนักงานของเราทุกคน เพราะเราถือว่าความปลอดภัยของพนักงานมีความสำคัญเป็นอันดับแรก
นอกจากนี้ ยูนิลีเวอร์ยังช่วยสนับสนุนสภาพคล่องทางการเงินของพันธมิตรทางธุรกิจ ด้วยการยืดระยะเวลาชำระเงินเป็นพิเศษ รวมทั้งช่วยแบ่งเบาด้านค่าครองชีพให้แก่ผู้บริโภคด้วยการลดราคาสินค้าหลายรายการ และยังได้ลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาทิ น้ำยาทำความสะอาดโปรแมกซ์ฆ่าเชื้อโควิด สินค้าแอนตี้แบค และคนอร์ข้าวต้มที่เพิ่มคุณค่าทางอาหาร เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องหลายรายการ อีกทั้งยังนำแบรนด์ ไลฟ์บอย ที่อยู่ในตลาดมา 30 ปี มาปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ และทำตลาดใหม่ในไทยอีกครั้ง เพราะสอดรับสถานการณ์ในช่วงนี้ ด้วยตัวผลิตภัณฑ์สบู่ มีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรีย และแม้ในช่วงไตรมาส 2 ในกลุ่มสินค้าไอศกรีมจะได้รับผลกระทบบ้างเพราะนักท่องเที่ยวหายไปทำให้การบริโภคลดน้อยลงตามสถานที่เที่ยว อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ฯลฯ ทำให้บริษัทได้ปรับตัวเพื่อกระตุ้นการบริโภคโดยสถานการณ์นี้เราเห็นว่าคนอยู่บ้านกันมากขึ้นจึงนำไอศกรีมแบรนด์ ”เวียนเน็ตต้า” กลับมาทำตลาดอีกครั้งเพื่อเจาะกลุ่มครอบครัว ส่งผลให้ไตรมาส 3 อัตราการเติบโตเป็นบวกขึ้นมาก ซึ่งเราคาดว่าภาพรวมของกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ในปีนี้ยังคงเติบโตได้ดีเช่นเดิม
ผู้บริหารกล่าว กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการลงทุนปีหน้าเราไม่สามารถคาดการณ์ได้และใม่รู้ว่าโควิด-19 จะจบลงเมื่อไหร่ แต่ยูนิลีเวอร์ยังคงเดินหน้าลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องทั้งในการทำตลาด และการโฆษณาผ่านสื่อสำหรับโปรโมทผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายใต้การเตรียม “แผนสำรอง” ไว้เสมอเพื่อให้สามารถปรับตัวให้รองรับกับสถานการณ์ได้ตลอดเวลาไม่ว่าอนาคตจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีกในอนาคตบริษัทก็สามารถรับมือได้ทันและปรับแผนดำเนินธุรกิจให้เป็นไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 22 ธันวาคม 63 นี้ยูนิลีเวอร์จะครบรอบ 88 ปี ของการดำเนินธุรกิจในไทยโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ของเราอยู่ในครัวเรือนไทยถึง 99% ดังนั้น เรามีความรับผิดชอบที่จะดูแลคนไทยและประเทศไทยซึ่งเป็นเสมือนบ้านของเราด้วยการเดินหน้าแผนงานระยะกลาง-ยาว เพื่อสร้างความยั่งยืนและลดปริมาณการใช้ขยะ โดยมีแผนใช้เงินลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม 40 ล้านบาท ในช่วง 10 ปีนับจากนี้ในกองทุนสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง นอกจากนี้