นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจอีเวนต์มีความอ่อนไหวมากเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ลูกค้าจะตัดงบก่อน ซึ่งปีนี้ผู้ประกอบการไม่ได้ทำอีเวนต์ งานทั้งหมดถูกเลื่อน และยกเลิกเกือบ 100% ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงมิถุนายน โดยในเดือนกรกฎาคมเราเริ่มพลิกวงการบันเทิงด้วยการจัด Hybrid Concert ครั้งแรกของประเทศไทยซึ่งปกติในช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจอีเวนต์ จากเดิมที่สถานการณ์เลวร้ายอยู่แล้ว และมีความเสี่ยงในการเกิดโควิดระลอก 2 ตบท้ายด้วยการชุมนุมประท้วง ถือเป็นตัวเร่งให้ตลาดเลวร้ายขึ้นอีก เพราะมีผลในเชิงจิตวิทยาและด้านการตลาด รวมถึงการจัดงานบันเทิง งานแฟร์ต่างๆ ทั้งระบบมีมูลค่าร่วม 3 แสนล้านบาท มีคนทำงานในซัพพลายเชนมากมายมหาศาล ส่วนอีเวนท์มาร์เก็ตติ้ง มีมูลค่าราว 1.4 หมื่นล้านบาท ปีนี้คาดสูญเม็ดเงิน 60% และหากการชุมนุมยืดเยื้อ คาดว่าจะกระทบการจ้างงานหลักแสนจากปัจจุบันมีคนตกงานนับล้านคน
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2563 ได้รับผลกระทบหนักจากพิษโควิด-19 มาตรการล็อกดาวน์ และการประกาศเคอร์ฟิว ส่งให้ผลประกอบการของบริษัทในปี 2563 ปิดอยู่ที่ 460 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนถึง 69% ที่ได้รายได้อยู่ที่ ที่ 1,400 ล้านบาท ส่งผลให้ 3 กลุ่มธุรกิจหลักของอินเด็กซ์ฯ คือ 1.กลุ่มครีเอทีฟ บิซซิเนส ดีเวลลอปเม้นท์ ลดลง 37% 2.กลุ่มมาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส ลดลง 78.4% และ 3.กลุ่มโอน -โปรเจค ลดลง 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ช่วงโควิดบริษัทปั้นธุรกิจใหม่มากมาย ทั้ง Kill & Klean แฟรนไชส์ทำความสะอาดฆ่าเชื้อ ซึ่งมีจำนวนแฟรนไชส์ทั้งหมด 25 แฟรนไชส์ ขยายไปยัง 6 ประเทศ 28 เมือง, การประมูลสินค้าออนไลน์ “คืนปล่อยของ”,เวทีคอนเสิร์ตคืนรอยยิ้ม โดยใช้โมเดล “Friendship Economy”, ANYA MEDITEC ที่ปรับโฉมโรงแรมเป็นโรงพยาบาล ซึ่งตอนนี้เรามี Partner ทั้งหมด 5 โรงแรม ได้แก่ Peninsula Hotel Bangkok, Staybridge Suites Bangkok Thonglor, Chatrium Hotel Riverside Bangkok Royal Cliff Beach Pattaya และศิริปันนาวิลล่า รีสอร์ท เชียงใหม่ ล่าสุดเปิดตัว “House of Illumination” ศิลปะดิจิทัลทีใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ เซ็นทรัลแกลอรี ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์ จัดระหว่างวันที่ 28 ต.ค. 2563 - 28 ต.ค. 2565
นายเกรียงไกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนแผนของอินเด็กซ์ฯ จากนี้ในปี 2564 จะเปลี่ยนแผนด้วยการใช้กลยุทธ์ “Creating For Now” สร้างธุรกิจเพื่อปัจจุบัน วางแผนระยะสั้น 6 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงธุรกิจ เน้นย้ำธุรกิจ “ต้องเปลี่ยนให้ทัน” และปรับตัวตลอดเวลา โดยจะรุกธุรกิจในส่วนของน็อนอีเวนต์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในรูปแบบของ Own Project โดยไฮไลท์ปีหน้า จะเน้นจับตลาดท่องเที่ยว การสร้างแลนด์มาร์คใหม่ๆ ในเมืองรอง อีกส่วนมุ่งเจาะธุรกิจด้าน “Healthcare” เพื่อตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรง อีกทั้งเป็นการช่วยเหลือให้ธุรกิจอื่นๆ “ฟื้นตัว” และเติบโตไปด้วยกัน เตรียมส่งโปรเจกต์ สร้างสรรค์ Illumination ที่สร้างความสดและใหม่ให้กับวงการทันที ด้วยพื้นฐานหลักของความคิดสร้างสรรค์ เพื่อต่อยอดงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ ยังมีการก่อสร้างไทยแลนด์พาวิลเลียน ในงาน World Expo 2020 Dubai ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2564 - 31 มี.ค. 2565 ปัจจุบันโครงสร้างหลักของอาคารเสร็จสมบูรณ์ 100% ยังคงเหลือในส่วนของงานสถาปัตยกรรม และระบบวิศวกรรม ซึ่งตั้งเป้าหมายธุรกิจใหม่ Creative Business Development มีสัดส่วนรายได้ไม่ต่ำกว่า 30% พร้อมปรับสัดส่วน Own Project เพิ่มขึ้นเป็น 30 % และลดสัดส่วนรายได้หลักมาจากอีเวนท์มาร์เก็ตติ้ง หรือ Marketing service เป็น 40% ทำให้มี Backlog อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท”