Ninja Van (นินจา แวน) ผู้นำบริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชี้ ปริมาณ การขนส่งพัสดุในประเทศไทย เพิ่มขึ้นถึง 300 % มาจากการลงทุนทางเทคโนโลยี บุคลากรและโครงสร้าง พื้นฐานเพื่อรองรับต่อการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยในปี 2563 โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดโควิด19 ได้ใช้เทคโนโลยีใหม่และให้ความสำคัญกับพาร์ทเนอร์ธุรกิจรายย่อย ส่งผลปริมาณพัสดุเพิ่มขึ้น 4 เท่า ผู้ส่งพัสดุเพิ่มขึ้น 2 เท่า มั่นใจปีหน้าธุรกิจเติบโตพุ่งแบบก้าวกระโดด
นาย เพียซ เอิง กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย (Ninja Van) กล่าวว่า บริษัทเราเป็นบริษัทโลจิสติกส์ที่ให้บริการจัดส่งพัสดุสำหรับธุรกิจทุกขนาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนินจาแวนเปิดตัวที่ประเทศสิงคโปร์ในปี 2557 และกลายเป็นบริษัทโลจิสจิกส์ที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค ขณะนี้นินจาแวนได้ขยายเครือข่ายครอบคลุมทั้งหมด 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย และ เวียดนาม สำหรับในประเทศไทยนั้นเราได้เปิดตัวในปี 2559 โดยตลอดระยะเวลาประมาณ 4 ปีที่ผ่านมาเราปรับตัวการทำงานอย่างต่อเนื่องให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและภูมิทัศน์ธุรกิจในประเทศไทย เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซของลูกค้า ตั้งแต่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายย่อย จนถึงองค์กรระดับนานาชาติ ขนาดใหญ่ โดยการปรับปรุงของ Ninja Van ส่งผลต่อการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัดในด้านการบริการลูกค้าและมั่นใจได้ว่า พวกเขาจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าของตนเองท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของธุรกิจอีคอม เมิร์ซ การใส่ใจในรายละเอียดช่วยให้เรารองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ขณะที่ยังสามารถรักษามาตรฐานด้านเวลาการขนส่งไว้ได้อย่างดี ในฐานะที่เป็นธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเราจึง สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 Ninja Van ให้ความสำคัญต่อการขนส่งทางจักรยานยนต์ โดยเพิ่มผู้ขับขี่เป็น 2 เท่า และเปิดตัว Ninja Insider (นินจา อินไซเดอร์) ฟีเจอร์รายงานข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้ร้านค้ามีข้อมูลด้านโลจิสติกส์และการวางแผนต้นทุนเพื่อช่วย เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน อีกทั้ง บริษัทฯ ได้เปิดตัว SNS Chat ที่จะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับ สถานะการส่งพัสดุ โดยการพัฒนาดังกล่าวทำให้สามารถให้บริการลูกค้าได้เพิ่มขึ้น 250% จัดส่งพัสดุเพิ่มขึ้นถึง 300% และเพิ่มยอดการเข้ารับจากการจองล่วงหน้า หรือ on demand pickup เป็น 2 เท่าตัว
ปัจจุบัน Ninja Van ให้บริการแก่คู่ค้ารายย่อยในประเทศไทยกว่า 10,000 รายต่อวัน รวมถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ เช่น Shopee และ Lazada บริษัทฯ ได้ปรับปรุงเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เพื่อเพิ่มความรวดเร็ว และถูกต้องแม่นยำ ในการจัดการพัสดุ มั่นใจได้ว่า 99 % ของการจองล่วงหน้า หรือ on demand pickup จะได้รับบริการที่ตรงเวลา นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มจำนวนรถมอเตอร์ไซต์เพื่อความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการขนส่ง ท่ามกลางสภาพการจราจรที่เป็นปัญหาในกรุงเทพฯ
ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า สำหรับลูกค้าของ Ninja Van สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกเวลาผ่านฟีเจอร์ Ninja Insider ที่ช่วยให้เข้าใจด้านโลจิสติกส์ ได้อย่างครบถ้วนที่สุด สามารถใช้ฐานข้อมูลในการปรับเปลี่ยนทั้ง เวลาการจัดส่ง สถานที่รับสินค้าและกระเป๋าเงินอิเล็ก ทรอนิกส์ สามารถใช้ข้อมูลจาก Ninja Insider ในการขยายผลิตภัณฑ์ บริการและการจัดการโลจิสติกส์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพร้อมให้บริการสำหรับลูกค้าที่มียอดจัดส่งมากกว่า 300 ชิ้น ต่อเดือน จากการใช้สื่อโซเชียลที่แพร่หลายในประเทศไทย Ninja Van จึงได้เปิดตัว SNS Chat ที่ทำให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูล การจัดส่งแบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังสามารถติดตามสถานะการจัดส่ง เปลี่ยนแปลงเวลาและสถานที่การจัดส่ง หรือจะต่อสายตรงเพื่อขอคำปรึกษากับคอลเซ็นเตอร์ได้อีกด้วย
“เรามั่นใจว่าการพัฒนาบริการจะสามารถช่วยเพิ่มการเติบโตของธุรกิจของลูกค้าได้ เรามีความมุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยี เพื่อพัฒนาบริการโลจิสติกส์ให้รวดเร็วและสะดวกสบายที่สุดในภูมิภาคนี้ แม้ว่าปี 2563 จะเป็นปีที่ท้าทาย เราได้รับโอกาส ในการพัฒนาบริการต่างๆ และเตรียมพร้อมสำหรับความสำเร็จในปี 2564 ด้วยการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าในอนาคต” เพียซ เอิง กล่าวสรุป