นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) กลุ่มทรู กล่าวว่า แม้ว่าผู้บริโภคโดยรวมมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้นจากผลกระทบของสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ แต่ก็เป็นความท้าทายที่ทำให้เกิดวิถีชีวิต New Normal ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจต่างปรับตัวเข้าหาดิจิทัลมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อเข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลได้ทุกที่ทุกเวลาเป็นผลให้รายได้บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตและรายได้จากธุรกิจดิจิทัลของกลุ่มทรูยังคงเติบโตต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ภาพรวมอุตสาหกรรมมือถือในประเทศยังได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในระหว่างไตรมาส แต่การเปิดตัวเครือข่ายอัจฉริยะ True5G พร้อมด้วยแพ็กเกจที่เพิ่มมูลค่าและผสานคอนเทนต์ VR และ AR จะเป็นปัจจัยเร่งการเติบโตดาต้าและขยายฐานลูกค้าพรีเมียมให้กับกลุ่มทรูได้เป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้ผนวกกับความมุ่งมั่นในการเพิ่ม productivity และความครบวงจรของระบบนิเวศดิจิทัลของกลุ่มทรูพร้อมศักยภาพการเติบโตที่สูงมากของธุรกิจดิจิทัล หรือ New S-Curve ที่มีความพร้อมในการขายและให้บริการด้านดิจิทัลที่มากยิ่งขึ้น อันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการทำกำไรให้กับกลุ่มทรูได้อย่างยั่งยืน
ด้าน นายสฤษดิ์ จิณสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) กล่าวต่อว่า ทรูมูฟ เอช ขยายฐานลูกค้าระบบรายเดือนอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิระบบรายเดือนที่สูงสุดในอุตสาหกรรมจำนวน 269 พันราย ในไตรมาส 3 ส่งผลให้รายได้จากกลุ่มลูกค้าระบบรายเดือนเติบโตในอัตราแบบเลขสองหลักจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ผลกระทบจากเศรษฐกิจและจากโควิด-19 ที่ส่งผลให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ยังคงกดดันรายได้ในกลุ่มลูกค้าระบบเติมเงินและรายได้จากบริการโรมมิ่งระหว่างประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งอุตสาหกรรมทรูมูฟ เอช มีรายได้จากการให้บริการ 19.9 พันล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2563 ผลักดันรายได้จากการให้บริการในช่วง 9 เดือนให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปีก่อนเป็น 60.2 พันล้านบาท มีฐานผู้ใช้บริการรวมจำนวน 30.1 ล้านราย แบ่งเป็นลูกค้าระบบเติมเงิน 20.8 ล้านรายและระบบรายเดือน 9.3 ล้านราย ทั้งนี้ ทรูมูฟ เอช จะเดินหน้าให้ความสำคัญกับคุณภาพโครงข่ายการบริการที่ครอบคลุม พร้อมเพิ่มมูลค่าผ่านคอนเทนต์คุณภาพที่ตรงตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการเปิดตัวเทคโนโลยี 5G อย่างเป็นทางการ ตลอดจนแนวโน้มการใช้งานและดีไวซ์ 5G ที่โมเดลพรีเมียมจะออกสู่ตลาดมากขึ้นจะเป็นปัจจัยสร้างการเติบโตให้ทรูมูฟ เอช ผ่านเครือข่าย 5G ประสิทธิภาพสูงสุดท่ามกลางอุตสาหกรรมมือถือที่มีจำนวนผู้ใช้งานสูงในปัจจุบัน
สำหรับ “ทรูออนไลน์” มีรายได้บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 6.8 พันล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2563 หนุนโดยฐานผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นสุทธิ 111 พันรายเป็น 4.1 ล้านราย ทั้งนี้ การยกระดับประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตของลูกค้าด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการคุณภาพสูงเป็นกลยุทธ์หลักที่ทรูออนไลน์มุ่งเน้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเสนอ True Gigatex Fiber Router และ Mesh WiFi นวัตกรรมเทคโนโลยี Band Steering ใหม่ล่าสุดที่รวมคลื่น WiFi ทุกความถี่เป็นหนึ่งเดียว พร้อมเลือกสัญญาณที่ดีที่สุดให้อัตโนมัติ การเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตให้ตรงตามการใช้งานของลูกค้าและการอัพเกรดบริการด้วยสิทธิประโยชน์จากทรูการ์ด สิ่งเหล่านี้ร่วมกับความต้องการใช้บริการบรอดแบนด์ที่เพิ่มสูงขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างการเติบโตและรายได้ที่เพิ่มขึ้นให้กับทรูออนไลน์ และ “ทรูวิชั่นส์” มีรายได้จากการให้บริการ 2.6 พันล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2563 โดยรายได้หลักจากการบอกรับเป็นสมาชิกปรับตัวดีขึ้นหลังจากผลกระทบจากโควิด-19 เริ่มทรงตัว ขณะที่แพ็กเกจพรีเมียมกลับมาเติบโตและมีแนวโน้มเชิงบวกตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศ นอกจากนี้ การมุ่งเน้นด้านออนไลน์มากยิ่งขึ้น แพ็กแกจแบบ A-la-Carte ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มได้ตรงจุด ตลอดจนรายได้จากเครือข่าย Influencer หรือผู้มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ที่สูงขึ้น จะเป็นปัจจัยสร้างการเติบโตให้กับทรูวิชั่นส์ต่อไป ทั้งนี้ ทรูวิชั่นส์มีฐานลูกค้า 4.0 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2563 หนุนโดยกลุ่มลูกค้าประเภทพรีเมียมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ “ทรูไอดี” เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยมียอดจำนวนการซื้อคอนเทนต์สูงถึง 311,000 ครั้ง หรือคิดเป็นการเติบโต 18 %เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าในขณะที่ยอดการรับชมวิดีโอต่อเดือนยังเติบโตขึ้นสูงสุดถึง 240 ล้านวิว สำหรับแพลตฟอร์มดิจิตอลบนจอโทรทัศน์อย่าง กล่องทรูไอดี ทีวี เติบโตต่อเนื่องด้วยยอดกว่า 1.8 ล้านกล่อง สิ่งเหล่านี้ ส่งผลให้รายได้จากการสมัครรับชมคอนเทนต์ดิจิทัลและรายได้จากโฆษณาของทรู ดิจิทัล กรุ๊ป เติบโตในอัตราเลขสองหลัก ในขณะเดียวกัน “ทรูยู” จากแคมเปญ “ทรูพอยท์ใจป้ำ” สามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานใหม่ได้ถึงร้อยละ 16 และมียอดการเข้าร่วมแคมเปญสูงถึง 9.5 ล้านครั้ง และแคมเปญ “TruePoint Carnival Party” มียอดการเข้าร่วมถึง 4.6 ล้านครั้ง ตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน