ในแต่ละปีจะมีเรือสำราญล่องเข้ามาในเมืองไทยประมาณ 1,000-1,200 ลำ โดยกลุ่มหลักมาจากฝั่งยุโรป แต่ปีนี้มีการชะลอตัวลงไปมาก แต่หลังจากสถานการณ์ในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น หลายฝ่ายจึงหวังว่ากลุ่มนักแล่นเรือจะกลับเข้ามาในเมืองไทยเหมือนเช่นปกติ
ศักยภาพของกลุ่มเจ้าของเรือยอชต์ นอกจากกำลังซื้อที่อยู่ในระดับบนแล้ว ยังมีช่วงการเข้าพักที่ยาวนาน ค่าใช้จ่ายต่อทริปไม่ต่ำกว่าหลักแสนบาท จึงเป็นอีกกลุ่มเป้าหมายที่การท่องเที่ยวไทยต้องการดึงเข้ามา ตามนโยบายทางการตลาดที่ต้องการเพิ่มคุณภาพให้ได้มากกว่าปริมาณ
นางสุพัตรา อังควินิจวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า “โอเชี่ยน มารีน่า” เป็นท่าจอดเรือยอชต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถจอดเรือได้ 378 ลำ ทั้งนี้เล็งเห็นว่าการท่องเที่ยวโดยเรือยอชต์เป็นกระแสที่กำลังเติบโต เนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีเรือของตัวเองก็สามาถใช้บริการเช่าได้ ทำให้เปิดโอกาสในการเข้าสู่ความเป็นเจ้าของเรือได้มากขึ้น โดยก่อนหน้านี้เห็นสัญญาณของการซื้อเรือยอชต์มากขึ้น โดยช่วงแรกจะเริ่มจากลำละ 5 ล้านบาท เมื่อเล่นไประยะหนึ่ง ก็จะทำการขายและซื้อเรือที่มีคุณสมบัติมากขึ้นในราคาหลัก 10 ล้านขึ้นไป
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวในโอเชี่ยน มารีน่า มีระยะเวลาการเข้าพักเฉลี่ย 2.5-3 วัน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 3,000-3,500 บาทต่อคนต่อวัน คิดเป็นสัดส่วนชาวต่างชาติ 65% คนไทย 35% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เปลี่ยนไปมาก จากเดิมจะมีสัดส่วนชาวไทยเพียง 20%
ทั้งนี้ คาดว่าในปีหน้าเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี จะส่งผลดีต่อธุรกิจอย่างแน่นอน โดยมั่นใจถึงศักยภาพที่มีอยู่ ทั้งราคาค่าบริการที่ถูกกว่าท่าเรือในสิงคโปร์มาก รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงที่ได้เปรียบกว่า นอกจากนั้น ยังมีท่าจอดซูเปอร์ยอชต์ หรือเรือขนาด 80 ฟุตขึ้นไปอีกด้วย
และเพื่อเป็นการเปิดฤดูกาลแห่งการล่องเรือและกระตุ้นการท่องเที่ยวของพัทยา จึงได้จัดงาน “โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์” ระหว่างวันที่ 27–30 พฤศจิกายน 2557 นี้ ณ โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ พัทยา โดยรวมเอาสินค้าและบริการด้านไลฟ์สไตล์ที่เกี่ยวข้องจากทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมออกแสดงสินค้าและบริการมากกว่า 100 ราย คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 6,000 คนจากประเทศไทยและนานาประเทศ ซึ่งปีนี้ได้ขยายระยะเวลาจัดงานเพิ่มเป็นเวลา 4 วัน สามารถเข้าชมฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ อีกทั้งยังได้ขยายพื้นที่การจัดแสดงงานบนพื้นบกและบนผืนน้ำมากขึ้น รวมพื้นที่กว่า 12,000 ตารางเมตร
งานนี้ได้กลายเป็นงานมหกรรมประจำปีที่จัดแสดงเรือยอชต์หรูและสินค้าไลฟ์สไตล์ไฮเอนด์ ซูเปอร์คาร์ และคอนโดสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยปีนี้เรือที่เข้ามาแสดงภายในงานมูลค่าสูงถึง 800 ล้านบาท และคาดว่าจะมีเงินสะพัดภายในงานราว 200 ล้านบาท