"ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์" โชว์งบไตรมาส 3/63 โตสวนกระแสโควิด กำไรสุทธิ 15.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 284% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน “เกตติวิทย์” มั่นใจ เติบโตต่อเนื่องหลังนำเข้า-ส่งออกเริ่มฟื้น แถมได้ปัจจัยหนุนจาก E-Commerce อัดโปรแรงกระตุ้นยอดขายปลายปี จับตาดีล M&A ดันผลงานปี 64-66 โตก้าวกระโดด
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ รองประธานคณะกรรมการ ประธานคณะผู้บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 มีรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 789.6 ล้านบาท ลดลง 5.6 ล้านบาท หรือ 0.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าได้รับผลกระทบที่น้อยมากจากวิกฤต COVID-19 มีรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 795.2 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 43.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาท หรือ 10.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 39.3 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ไตรมาส 3/63 มีรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 252.3 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้นเติบโต 23.58% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วและ มีกำไรสุทธิ 15.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2 ล้านบาท หรือเติบโต 284% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3.9 ล้านบาท ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/63 บริษัทฯยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ในระดับสูงถึง 34.9% และกำไรสุทธิ 6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.7%
"กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้ง ๆ ที่ยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกชะลอตัว จากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถการบริหารจัดการต้นทุนและกำไรขั้นต้นของเราได้เป็นอย่างดี เพราะหลักการทำงานของเราไม่ได้เน้นเฉพาะเรื่องของรายได้ แต่เราเน้นการสร้างผลกำไร เราพยายามอยู่ในตลาด Blue Ocean ไม่ลงไปแข่งขันเรื่องราคา เราเน้นการสร้างความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ อีกทั้งการที่เราให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรทั้งทางบก ทะเล และอากาศ และมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ทำให้ช่วยกระจายความเสี่ยงธุรกิจ และเพิ่มโอกาสในการแสวงหารายได้ สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ได้เป็นอย่างดี"
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/63 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ทำให้ผู้ประกอบนำเข้าและส่งออกเริ่มกลับมาใช้บริการขนส่งสินค้ามากขึ้น อีกทั้ง ยังได้รับแรงหนุนจากธุรกิจ E-Commerce ที่เติบโตมากขึ้น ในยุค New Normal รวมไปถึงการจัดโปรโมชั่นของผู้ประกอบการ เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปี โดยเฉพาะโปรโมชั่น 11.11 และ 12.12 รวมไปถึงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ทำให้ความต้องการส่งสินค้ามากขึ้น ผลักดันแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ มีโอกาสสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯเตรียมเข้าซื้อกิจการ 2-3 บริษัท ทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN) คาดว่าบริษัทในประเทศ 1 แห่ง ที่เกี่ยวกับธุรกิจขนส่งทางอากาศ และ 2 บริษัท อยู่ใน ASEAN เป้าหมายเป็นบริษัทที่มีรายได้ประมาณ 100-200 ล้านบาท/ปี และมีกำไรสุทธิต่อเนื่อง คาดว่าปลายปี 2564 จะเห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 ราย
ขณะที่รายได้จากธุรกิจ Self Storage ซึ่งเป็นดาวรุ่งตัวใหม่ของบริษัทฯ ก็มาตามนัดตามแผนธุรกิจ รายได้ 9 เดือน เติบโต 29% และสร้างผลกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Self Storage ถึง 61% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายการลงทุนธุรกิจ Leo Self Storage & E-Fulfillment Center เพิ่ม ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้เพียง 1% ด้านอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยระดับ 30-40% โดยคาดหวังอัตราการเติบโตของธุรกิจดังกล่าว 200% หลังจากมีพื้นที่บริการเก็บของแห่งใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมากกว่า 2,000 ตารางเมตร แผนการลงทุนทั้งหมดคาดว่าจะช่วยเสริมการเติบโตของการดำเนินธุรกิจในปี 2565-2566 เติบโต 30-40% จากปี 2563