“โตเกียว เอสเอ็มอี ซับพอร์ต เซ็นเตอร์” เตรียมจัดงานส่งเสริมเศรษฐกิจ “จับคู่ธุรกิจ” ไทย – ญี่ปุ่น ยกระดับธุรกิจ SME

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

“โตเกียว เอสเอ็มอี ซับพอร์ต เซ็นเตอร์” เตรียมจัดงานส่งเสริมเศรษฐกิจ “จับคู่ธุรกิจ” ไทย – ญี่ปุ่น ยกระดับธุรกิจ SME


ศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว สำนักงานประเทศไทย (Tokyo SME Support Center) เตรียมจัดงาน “Tokyo-Thailand Food Business Matching 2020 To resolve concerning issues of 10 Thai Companies by Japanese Innovation”  โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางคัดสรรและดึงผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีญี่ปุ่นด้านอาหาร มาจับคู่ธุรกิจกับ เอสเอ็มอีไทยระดับชั้นนำ 10 แห่ง  มั่นใจ เสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจรอบด้าน ตั้งแต่การนำเข้าวัตถุดิบคุณภาพสูงในราคาที่สมเหตุผล การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการสนับสนุนธุรกิจ เพื่อช่วยลดต้นทุนและสร้างผลกำไรอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้แนวคิด “Thailand 4.0”  คาดว่า เกิดการเจรจามากกว่า 70 คู่ค้าธุรกิจระหว่างที่ 17-18 พฤศจิกายน 2563 นี้

นางโทโมโกะ อุจิดะ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายงานด้านกลยุทธ์ ศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว กล่าวว่า Tokyo SME Support Center เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และมีบทบาทในการมีส่วนร่วมส่งเสริมอุตสาหกรรมในโตเกียวมายาวนานกว่า 50 ปี โดยในปัจจุบัน ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดตั้งบริษัทไปจนถึงการสนับสนุนในเชิงพาณิชย์ การพัฒนาตลาด การสืบทอดและการฟื้นฟู ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการญี่ปุ่นในกรุงโตเกียว มีแนวโน้มในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียน ทั้งนี้ มีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง  ดังนั้น Tokyo SME Support Center  จึงจัดตั้งสำนักงานประจำประเทศไทย เมื่อเดือนธันวาคม 2558 เพื่อดำเนินการสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในประเทศไทย ให้พัฒนาและเติบโตไปด้วยกัน เพื่อสร้างเสริมเศรษฐกิจของกันและกันให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น 

ด้าน นาย มาซายูกิ คิมุระ ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว (Tokyo SME Support Center) สำนักงานในประเทศไทย กล่าวต่อว่า Tokyo SME Support Center ได้เข้ามาเปิดสำนักงานในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2558 โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นให้เกิดความร่วมมือ เพื่อส่งเสริมให้เกิดโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน โดยมีภารกิจหลัก 3 ด้าน  คือ  สนับสนุนด้านการเจรจาธุรกิจ, ให้คำปรึกษาทางด้านธุรกิจ และจัดงานสัมมนาและงานแลกเปลี่ยนเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่น ซึ่งที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จเกิดการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ผลักดันให้เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง  และล่าสุด จะจัดงาน “Tokyo-Thailand Food Business Matching 2020 To resolve concerning issues of 10 Thai Companies by Japanese Innovation”  เป็นกิจกรรมจับคู่ธุรกิจระหว่าง “เอสเอ็มอีของไทย” กับ “เอสเอ็มอีจากญี่ปุ่น” เพื่อจับคู่ธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละแห่ง โดยมี Tokyo SME Support Center ทำหน้าที่เป็นตัวกลางคัดสรรผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจากญี่ปุ่น มาเจรจาธุรกิจกับเอสเอ็มอีของไทยจำนวน 10 แห่ง ในวันอังคารที่ 17 - วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ ชั้น 3 ห้องสุขุมวิท 7-11 ทั้งนี้ คาดว่าจะเกิดการเจรจาทางธุรกิจมากกว่า 70 คู่ค้าธุรกิจอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ในการจัดงาน “Tokyo-Thailand Food Business Matching 2020 To resolve concerning issues of 10 Thai Companies by Japanese Innovation”  มีผู้ทั้ประกอบธุรกิจด้านธุรกิจอาหารของไทยผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมงานจำนวน 10 บริษัท ได้แก่ บริษัท อินโนว่า ฟู้ด แอนด์ เบค จำกัด, บริษัท ขนมไทยเก้าพี่น้อง จำกัด,  บริษัท มาลี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท พี.แสงอุดมเทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท ยูไนเต็ด ฟูดส์ อินดัสตรี้ จำกัด, บริษัท เอเอ็มทีฟู้ด จำกัด, บริษัท บุญทรี ฟู้ด จำกัด, บริษัท โคฟี่ จำกัด, บริษัท เค.แอล. อินเตอร์ ฟู้ด จำกัด และบริษัท ซิโน-ไทย ฟรีซแอนด์ดราย จำกัด

ทั้งนี้ รูปแบบการจัดงานจะแบ่งออกเป็น 2 วัน ประกอบไปด้วยผู้ประกอบการไทยที่ผ่านการคัดเลือกวันละ 5 บริษัท นั่งแยกห้อง เพื่อเจรจากับผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่มีความสนใจ ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ หากเป็นผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น จะเป็นการเจรจาผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งได้มีการกำหนดตารางการเจรจาธุรกิจไว้ล่วงหน้า มั่นใจว่าการเจรจาธุรกิจจะก่อให้เกิดประโยชน์และเสริมธุรกิจซึ่งกันและกัน ที่สำคัญคือ ได้พันธมิตรธุรกิจที่มีความลงตัว และตรงต่อความต้องการของผู้ประกอบแต่ละแห่ง นอกจากนี้ หลังการการเจรจาธุรกิจเรียบร้อยแล้ว ในช่วงระยะเวลา 2 ชั่วโมงสุดท้าย Tokyo SME Support Center จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้พบปะกับผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่สมัครเข้าร่วมงานและมีความประสงค์ในการเจรจาธุรกิจ เพื่อการประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ประกอบการไทย เพื่อเปิดโอกาสในการพบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการญี่ปุ่นอื่นๆ เพิ่มเติม 

สำหรับจุดเด่นของงาน “Tokyo-Thailand Food Business Matching 2020 To resolve concerning issues of 10 Thai Companies by Japanese Innovation”  คือ การดำเนินการให้เกิดการเจรจาธุรกิจที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดย Tokyo SME Support Center ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา ด้วยการรับฟังความต้องการหรือสิ่งที่ผู้ประกอบการไทยต้องการ จากนั้นจึงคัดสรรผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่ตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวฯ จนมาถึงกระบวนการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ในที่สุด การรับฟังความต้องการของผู้ประกอบการไทยและจัดให้มีการเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่ตรงกับความต้องการนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องวิเคราะห์สิ่งที่ผู้ประกอบการกำลังค้นหา ในขณะที่ ผู้ประกอบการแต่ละรายจะยอมเปิดใจร่วมเจรจาด้วยก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเช่นกัน  ในฐานะองค์กรที่ปรึกษาด้านการเจรจาธุรกิจ Tokyo SME Support Center  ต้องคิดวิเคราะห์และพิจารณาอย่างละเอียด เพื่อที่สามารถแนะนำให้เกิดการเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการที่ตอบโจทย์ได้จริงในแต่ละครั้ง

ส่วนทางด้าน นายเอจิ อิโนะโมโตะ รองผู้จัดการทั่วไป ศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว (Tokyo SME Support Center) สำนักงานในประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลไทย “Thailand 4.0” ซึ่งอุตสาหกรรมอาหารที่ภาครัฐมุ่งเน้นพัฒนาให้ผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นสามารถต่อยอดพัฒนาธุรกิจร่วมกันได้ ผ่านการนำเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมจากประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้ โดยแนวโน้มความต้องการของผู้ประกอบการไทยในปัจจุบันนี้มีความหลากหลาย อาทิ การควบคุมเชื้อแบคทีเรียในผลิตภัณฑ์, รักษารสสัมผัสของอาหาร, บรรจุภัณฑ์แพ็คเดี่ยว, ยืดอายุผลิตภัณฑ์, และอุณหภูมิที่สามารถเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ เป็นต้น นอกจากนี้ Tokyo SME Support Center ยังได้มีการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นในทุกปี โดยมีการติดต่อสำรวจความต้องการจากผู้ประกอบการไทยอย่างละเอียดอยู่เสมอ ทั้งบริษัทและโรงงาน จำนวนกว่า 100 ครั้งต่อปี โดยการสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร อยู่ภายใต้แนวคิด 3 ประการ คือ การติดตั้งเครื่องจักร , พัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน และ การว่าจ้าง-รับจ้างผลิต OEM  ซึ่งที่ผ่านมามีตัวอย่างผลประกอบการที่ประสบความสำเร็จมากมาย ดังนี้

ด้านการติดตั้งเครื่องจักร อาทิ แนะนำผู้ผลิตเครื่องจักรให้ผู้ประกอบเครื่องดื่ม พัฒนาวัตถุดิบชนิดผงให้กลายเป็นรูปแบบเกล็ด (Granule) ได้สำเร็จ, แนะนำเครื่องผัด เทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น ให้ผู้ประกอบการผลิตอาหาร สามารถเพิ่มกำลังการผลิต และช่วยลดจำนวนพนักงานให้น้อยลง

ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน อาทิ แนะนำผู้ผลิตคอลลาเจนด้วยนวัตกรรมจากประเทศญี่ปุ่น ให้ผู้ผลิตอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ กระทั่งสามารถนำวัตถุดิบดังกล่าวไปใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มเพื่อความงามได้สำเร็จ และแนะนำผู้ประกอบการที่มี Know-how ให้แก่ผู้ผลิตและจำหน่ายสารปรุงแต่งรสและกลิ่น ได้สรรหาวัตถุดิบที่สามารถพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์อาหารให้มีรสชาติ, รูปลักษณ์, และ Texture ที่ดีขึ้น ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ยังได้มีการวิจัยและทดลองพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน

ด้านการว่าจ้าง-รับจ้างผลิต OEM อาทิ แนะนำผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่มีเทคโนโลยีในการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์นัตโตะจากเดิมที่มีอยู่ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์นัตโตะฟรีซดราย กลายเป็น Healthy Snack เป็นต้น

สำหรับการจัดงาน “Tokyo-Thailand Food Business Matching 2020 To resolve concerning issues of 10 Thai Companies by Japanese Innovation”  ครั้งนี้ กำหนดจัดขึ้นในวันอังคารที่ 17 - วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ ชั้น 3 ห้องสุขุมวิท 7-11  สำหรับ องค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอีในประเทศไทย ที่ต้องการข้อมูลหรือคำแนะนำในการหาพันธมิตรธุรกิจ หรือการลงทุนต่างๆ

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ