ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันจะนิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ หรือโฮม ช็อปปิ้ง มากขึ้น เพราะวิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไป ชอบความสะดวกสบาย เพียงแค่คลิก หรือยกหูโทรศัพท์ก็สามารถสั่งซื้อสินค้าได้แล้ว โดยเฉพาะตลาดโฮม ช็อปปิ้งที่มีมูลค่าสูงถึง 14,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเติบโตตามไลฟ์สไตล์ของคน
1577 โฮม ช็อปปิ้ง ถือเป็น ผู้เล่นหลักอีกรายในตลาดโฮม ช็อปปิ้ง และอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ “จุล โชติกะวรรณ” กรรมการบริหาร บริษัท 1577 โฮม ชอปปิ้ง จำกัด โดยคุณจุลได้ย้อนอดีตให้กับทาง “สยามธุรกิจ” ฟังว่า เดิมไม่ได้ทำธุรกิจโฮม ช็อปปิ้งมาก่อน โดยทำธุรกิจด้านซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ แต่เมื่อเจอกับปัญหาเกี่ยวกับการปล่อยวงเงินสินเชื่อ ธุรกิจเลยซบเซาไป เลยเปลี่ยนมาทำธุรกิจด้านการจำหน่ายสินค้าในรูปแบบโฮม ช็อปปิ้งแทน ถือเป็นจุดเริ่มต้น
“สมัยนั้นคู่แข่งยังไม่มาก มีเรา, ทีวีไดเร็ค ซึ่งอยู่มานาน และทีวีมอลล์ ซึ่งเราอยู่มากว่า 10 ปีแล้ว เห็นการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ทั้งในแง่ของผู้บริโภคที่เริ่มให้ความไว้วางใจกับการจัดจำหน่ายแบบใหม่ คนจำนวนไม่น้อยเริ่มยืดหยุ่น ซื้อของตามช่องทางใหม่กัน”
ทั้งนี้ เห็นภาพชัดเจนขึ้นเมื่อประมาณสัก 5-6 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมุมคิดของคน ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ทำให้ตลาดโฮม ช็อปปิ้งเติบโตเป็น 100% เลยทีเดียว จะเห็นได้ว่าตลาดเติบโตตาม ไลฟ์สไตล์ของคน
การทำตลาดหลักๆ ของโฮม ช็อปปิ้งจะเน้นการสื่อสารผ่านทีวีด้วยการสาธิตสินค้า แต่กลยุทธ์จะต้องมีการเปลี่ยนตลอดเวลา ด้วยการสร้างแคมเปญใหม่ๆ ที่เน้นความ คุ้มค่าให้กับลูกค้า ซึ่งแต่ละปีจะใช้ งบทำกิจกรรมการตลาด 10 ล้านบาท ส่วนงบทีวี 600-800 ล้านบาท เพราะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง โดย มีการประสานงานกับเจ้าของสินค้า เพื่อทำกิจกรรมตลอดทั้งปี
สำหรับจุดเด่นของเรา คือ การ คัดสรรสินค้าที่แตกต่างจากคนอื่น โดยสินค้าทุกตัวจะต้องผ่านกระบวนการคัดกรอง ด้วยการทดลองใช้จริง เพื่อให้ลูกค้าวางใจ โดยสินค้าของเราจะอิงสุขภาพเป็นหลัก มี 3 กลุ่มด้วยกัน คือ 1.อาหารเสริม 60% ที่เหลือเป็นเครื่องสำอางและสินค้าทั่วไป แตกต่างจากเจ้าอื่นตรงที่เน้นสุขภาพโดยตรง
“สินค้าของเราจะราคาถูกกว่าในห้าง 30% ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะลูกค้าจะได้รู้สึก ว่าคุ้มค่า”
ตลาดโฮม ช็อปปิ้ง แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.ช่องทางการจำหน่าย เหมือนเรา โดยเป็นผู้ให้บริการสินค้าผ่านโฮม ช็อปปิ้ง 2.มีสินค้าและจำหน่ายเองด้วย
ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงเร็ว เพราะปัจจุบันลูกค้ามีความต้องการ และคาดหวังสูง จึงต้องสร้างความประทับใจให้ได้ ทำให้ต้องมีการพัฒนาบุคลากร ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ โดยเราจะมีการอบรมพื้นฐาน ตั้งแต่วิธีคิด การทำงานที่เป็น ระบบ และบริการประทับใจ ซึ่งให้ความสำคัญมา 2 ปีแล้ว เพราะบุคลากร คือ หัวใจสำคัญของเรา
เนื่องจากงานของเราเป็น การให้บริการล้วนๆ จึงต้องมีการพัฒนาจากข้างใน คือ แกนกลาง นั่นคือ บุคลากรที่มีคุณภาพ จึงจะให้บริการที่ดีกับลูกค้าได้ ซึ่งไม่สามารถทำได้เพียงชั่วข้ามคืน เป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งเราต้องให้เวลากับมัน ให้เขาเห็นถึงคุณค่าของการบริการที่ดี ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย
ส่วนใหญ่ผู้บริหารมักจะออกเป็นนโยบายให้ลูกน้องปฏิบัติตาม แต่ของเราจะทำในลักษณะของกฎ แห่งการสลับข้าง คือ เราอยากได้ อะไร เราต้องทำแบบนั้นก่อน คล้ายๆ กับการเอาใจเขามาใส่ใจเรา
“การที่เราจะเป็นที่ 1 ได้ ไม่ใช่ว่าเก่งกว่าคนอื่น แต่เป็นการแข่งกับตัวเอง ทำให้รู้ว่าเราแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร การให้บริการ ด้วยใจ และการคัดสรรสินค้า เป็นสิ่งที่เราเน้น จะไม่ได้เน้นสร้างแบรนด์มากนัก เพราะคนจะเลือกซื้อสินค้าจากคุณภาพ ก่อน จากนั้นจะดูเรื่องของแบรนด์ ลูกค้าเปลี่ยนวิธีคิดไปมาก จากเดิมจะยึดมั่นกับแบรนด์”
อย่างไรก็ตาม การ ทำงานอย่างมีความสุข ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยจะให้พนักงานเห็นถึงคุณค่าของการเป็นผู้ให้