อัมสัมเดินหน้าขยายไลน์ธุรกิจรุกตลาดอีเวนต์-พีอาร์ในอาเซียน ตามแผนสานฝันสู่เจ้าแห่งกลุ่มทุนเมืองไทย แย้มป้ายหน้าลุยอสังหาฯ-พลังงาน
นายสิโรดม อ่ำสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทในเครืออัมสัม กรุ๊ป กล่าวว่า กระแสการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ได้ช่วยกระตุ้นให้ภาครัฐและเอกชนเกิดการตื่นตัวทั้งในภาคธุรกิจการศึกษาและธุรกิจด้านสื่อสารการ ตลาดหรือไอเอ็มซี (Integrated Marketing Communication)
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นโอกาสที่บริษัทจะเริ่มรุกเข้าสู่ตลาดไอเอ็มซี เพื่อรองรับความต้องการขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน โดยอาศัยจุดแข็งด้านความครบวงจรของบริการ ซึ่งเกิดจากหน่วยธุรกิจต่างๆ ที่บริษัทมีอยู่ในปัจจุบันกว่า 8 บริษัท ประกอบด้วย อัมสัมเอ็ดยูเคชั่น, อัมสัม คอร์ป, แอม วิชชั่น, อัมสัม ยูธ เซ็นเตอร์, อัมสัม ทัวร์, อัมสัม อินทิเกรชั่น, อัมสัม พรอาร์และ Career Am
โดยในธุรกิจไอเอ็มซีจะอยู่ในการดูแลของบริษัท อัมสัม อินทิเกรชั่น จำกัด ดูแลธุรกิจ Event, Exhibition {amp} Mice และบริษัท อัมสัม พีอาร์ จำกัด ดูแลธุรกิจ ด้านประชาสัมพันธ์
"จากการที่อัมสัม กรุ๊ป มีธุรกิจหลากหลาย ตั้งแต่การศึกษา ท่องเที่ยว โรงแรม ยานพาหนะและไอเอ็มซี ช่วยให้เรามีข้อได้เปรียบในด้านการบริการที่ครบวงจร แบบ one stop service ซึ่งเมื่อ ขั้นตอนต่างๆ ดำเนินงานโดยบริษัทเดียวกันจะช่วยการประสานงานมีประสิทธิภาพและรวดเร็วที่สุด"
ในส่วนของบริษัทเองยังสามารถโยกย้ายงบประมาณด้านประชาสัมพันธ์และอีเวนต์ที่ใช้กับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมมาให้กับกลุ่มธุรกิจไอเอ็มซีของบริษัทได้
สำหรับกลยุทธ์การรุกตลาดไอเอ็มซีของภูมิภาคอาเซียนนั้น บริษัทในฐานะผู้เล่นใหม่จะมุ่งสร้างความน่าเชื่อถือเป็นอันดับแรก โดยการเข้าเป็นผู้จัดงานในประเทศจีนและเกาหลีที่เป็นผู้นำเศรษฐกิจและตลาดหลักในเอเชีย อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากประเทศกลุ่มอาเซียนอื่นๆ
โดยในประเทศจีน บริษัทได้รับความไว้วางใจจาก สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ ให้จัดนิทรรศการในงาน IAC 2003 ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่วนตลาดเกาหลีนั้นจะอยู่ในขั้นที่ 2 ต่อจากจีนโดยอาศัยการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือหลัก
"แนวคิดของกลยุทธ์นี้ คือ ด้วยสภาพการแข่งขันที่สูงกว่าในประเทศจีน การที่บริษัทสามารถเข้าเป็นผู้จัดงานได้ ย่อมแสดงถึงศักยภาพของบริษัทได้เด่นชัดกว่าการได้เป็นผู้จัดงานในตลาดอาเซียน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว"
ด้านตลาดในประเทศภาพรวมของธุรกิจไอเอ็มซีในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกลยุทธ์ที่เน้นสร้างตลาดใหม่แทนการแข่งราคา เช่น การจัดเรียลิตี้ฟุตบอลรวมกับทีมจากอังกฤษ ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจไอเอ็มซีของบริษัทมีอัตราการเติบโตสูงถึง 100% โดยมีมูลค่างานที่ได้รับกว่า 200 ล้านบาท
ซึ่งสัดส่วนลูกค้าของบริษัทเป็นภาคเอกชน 40% ภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ 60% ประกอบด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ยูนิลีเวอร์ จำกัด การท่าเรือแห่งประเทศไทย ท่าเรือแหลมฉบัง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น
ในปี 2557 บริษัทมีนโยบายที่จะจับมือพันธมิตรเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายทางธุรกิจพร้อมรุกขยายตลาด AEC และสร้างงานอีเวนต์ระดับอินเตอร์ในช่วงต้นปี
"อีกหนึ่งปัจจัยการเติบโตของบริษัทมาจากนโยบายรุกเออีซีของภาครัฐซึ่งผลักดันให้หน่วยงานที่ไม่มีความเชี่ยวชาญจะต้องพึ่งพาการเอาต์ซอร์สจากเอกชน จุดนี้เองช่วยให้บริษัทมีการเติบโต"
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจที่จะเพิ่มเข้ามาในอนาคต นายสิโรดม กล่าวว่า บริษัทจะเริ่มลงทุนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2558 โดยมีแผนที่จะสร้างพื้นที่ค้าปลีกขนาดเล็กบนพื้นที่ริมทางด่วน นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเข้าร่วมธุรกิจพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และชีวมวล ซึ่งจะมีการตัดสินใจที่แน่นอนในวันที่ 1 ตุลาคม 2558
"เหตุผลที่เลือกเข้าสู่ 2 ธุรกิจนี้ คือ บริษัทต้องการจัดสรรการลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงแต่ผลตอบแทนสูงและธุรกิจที่มีความมั่นคง ในอัตราส่วนเท่าๆ กัน"
ทั้งนี้ การลงทุนในระยะใกล้ของบริษัทจะยังคงเน้นที่การควบรวมบริษัทที่มีศักยภาพเข้ามาเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ให้แก่ เครืออัมสัม กรุ๊ป โดยได้มีการวางงบประมาณเพื่อการนี้ไว้ประมาณ 300-400 ล้านบาท
สำหรับเป้าหมายในปี 2557 หลังจากที่ได้ขยายตลาดไปยังองค์กรภาครัฐและเอกชนแล้วคาดการณ์ว่าจะได้ Market Share เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึงกว่า 10% อัตราการเติบโตของธุรกิจน่าจะสูงถึง 200% โดยยอดรวมของธุรกิจภายในปี 2556 นี้ทะลุเป้ามูลค่าสูงกว่า 1,200 ล้านบาท
"เป้าหมายต่อไปของอัมสัม กรุ๊ป คือการเป็นกลุ่มทุนสัญชาติไทยที่มีศักยภาพแข็งแกร่งพร้อมแข่งขันกับตลาดในระดับสากลไม่แพ้บริษัทกลุ่มทุนข้ามชาติหลังการเปิด AEC ซึ่งจะเป็นรากฐานไปสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมใหญ่ เช่น เดียวกับซัมซุงหรือมิตซูบิชิ อันเป็นเป้าหมายสูงสุด"