ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยข้อมูลจาก Zocial Rank ระบุว่าในช่วงต้นปี 2556 ประเทศไทยมีผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กมากกว่า 18 ล้านคน แบ่งเป็นเฟซบุ๊ก 85% ทวิตเตอร์ 10% และอินสตาแกรม 5% ซึ่งเป็นการใช้งานผ่านอุปกรณ์พกพาถึง 64%
ข้อมูลดังกล่าวยังระบุอีกว่า ใน 1 วันคนไทยโพสต์เนื้อหาบนเฟซบุ๊กจำนวน 31 ล้านโพสต์ ทวิตข้อความ 5 ล้านครั้ง และอัพโหลดรูปบนอินสตาแกรม 124,000 รูป
แน่นอนว่าปริมาณการใช้งานมหาศาลนี้ไม่ได้เกิดจากผู้ใช้ในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่มาจากผู้คนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มการใช้งานอินเตอร์เน็ตและโซเชียลเน็ตเวิร์กมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จากข้อมูลของ GfK พบว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2556 นี้ ยอดขายสมาร์ทโฟนในภาคอีสานเพิ่มขึ้นถึง 344% โดยมีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 9 แสนราย
+ วัฒนธรรมดิจิตอลในชนบท
ล่าสุด แมคแคน เวิลด์กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เปิดเผยผลการศึกษาภายใต้หัวข้อ "เปิดโลกดิจิตอลนอกเมืองกรุง" ซึ่งเป็น การสำรวจผู้บริโภครุ่นใหม่ในสังคมชนบท อายุตั้งแต่ 17-23 ปี ที่กำลังก้าวสู่วัฒนธรรมดิจิตอลด้วยเส้นทางที่แตกต่างจากผู้บริโภคในเมืองกรุง
โดยมีจุดประสงค์เพื่อจุดประกายไอเดียการสื่อสารทางดิจิตอลใหม่ๆ เพื่อชนะใจกลุ่มวัยหนุ่มสาวในชนบท ที่เป็นกลุ่มที่น่าจับตามองทางการตลาด ด้วยการเริ่มต้นที่วัยรุ่นชาวอีสานเป็นกลุ่มแรก
นางสาววฤตดา วรอาคม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านนวัตกรรม แมคแคน เวิลด์กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า "อุปกรณ์พกพาชิ้นแรกที่ผู้บริโภควัยรุ่นในชนบท ให้ความสนใจแทนที่รถมอเตอร์ไซค์ คือ สมาร์ทโฟนราคาประหยัด หรือ Budget Smart phones ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อวัยรุ่นชนบทกับโลกภายนอกผ่านโซเชียลมีเดีย โดยการ เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและกล้องถ่ายรูป เป็นฟังก์ชั่นหลักที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้มองหา"
วัยรุ่นชนบทมีทางเลือกด้านไลฟ์สไตล์ที่จำกัด "โลกโซเชียล" จึงกลายเป็นตัวเลือกใหม่ในการใช้เวลาว่างโดยเฉพาะ Facebook ในด้านของพฤติกรรมการใช้งานโซเชียลมีเดียนั้น ผู้บริโภคในชนบทเองก็เป็นเช่นเดียวกับผู้บริโภคในเมืองที่มีลักษณะของการเสพติด "ไลค์" และให้ความสำคัญกับ "ภาพพจน์ภายนอก" มากขึ้น
ส่งผลให้โซเชียลเน็ตเวิร์กกลายเป็นพื้นที่ทดลองสร้างเอกลักษณ์ตัวตนของวัยรุ่นชนบท เพื่อตอบโจทย์ในการแสดงออกและได้รับการยอมรับผ่านจำนวน "ไลค์" ในกระ บวนการนี้ได้นำไปสู่การสร้างเทรนด์ใหม่ๆ เพื่อให้ตนเองกลายเป็นผู้นำเทรนด์ในโลกออนไลน์
ตั้งแต่แอพโซเชียลแคม (Socialcam) เป็นที่นิยมในต้นปี 2555 วัยรุ่นชนบทได้เห็นคนต่างจังหวัดธรรมดาๆ กลายเป็นที่รู้จักและชื่นชอบในวงกว้างได้ จากแสนๆ ล้านๆ "ไลค์" ที่คนดังออนไลน์เหล่านี้ได้รับโดยการสร้างเนื้อหาที่ไม่ต้องสวยหล่อสมบูรณ์แบบเหมือนดาราในทีวี แต่รู้สึก "จริง" และเข้าถึงหัวใจความเป็นชนบทของแฟนๆ
+ ชาวอีสานเล็งเห็นช่องทางสร้างตัว
นอกจากการสร้างเทรนด์ขึ้นแล้ว ผู้บริโภคในชนบทยังใช้การแชร์ความสำเร็จของตนเช่น ประกวดความงามแข่งขันในเรียลิตี้ทีวีหรือการขึ้นแสดงความสามารถ เพื่อต่อยอดในโลกโซเชียล
ด้านเป้าหมายที่ผู้บริโภคชนบทในภาคอีสานคาดหวังจากการสร้างตัวตนบนโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้นจะเป็นการสร้างรายได้สูงๆ จนสามารถทดแทนบุญคุณครอบครัวได้โดยไม่ลำบาก โดยอาศัยพลังของโซเชียลมีเดียในการ "สร้างสิ่งที่เป็นของตัวเอง" และยังมองโซเชียล มีเดียเป็นแรงบันดาลใจเป็นหวังและกำลังใจในการสร้างรายได้โดยไม่ต้องเข้าสู่ฐานแรงงานอุตสาหกรรม
โดยนอกจากสร้างชื่อเสียงเพื่อความพึงพอใจแล้ว ผู้บริโภคชนบทยังใช้ไลค์และชื่อเสียงที่มีในการต่อยอดทางธุรกิจออนไลน์และออฟไลน์ของตนอีกด้วย
+ โอกาสของแบรนด์เข้าถึงภูธร
นางสาววฤตดา กล่าวว่า แบรนด์ต้องริเริ่มกลยุทธ์ "Think Rural, Act Digital" นักการตลาดและนักโฆษณายุคใหม่ต้องระวังช่องว่างและคำนึงถึงความแตกต่างในทัศนคติของผู้บริโภคที่แตกต่างกันระหว่างสังคมเมืองและวิถีชนบท
การทำแคมเปญดิจิตอลแม้ว่าจะอิงกระแสหลักที่มาแรงในกลุ่มวัยรุ่นในภาพรวม แต่ในขณะเดียวกันต้องใส่ใจในรายละเอียดดิจิตอลอินไซด์ของวัยรุ่นชนบทที่มีความเฉพาะตัว
โดยคอนเทนต์ที่น่าจับตามอง คือ คอนเทนต์ที่สัมผัสได้ถึงหัวใจความเป็นบ้านๆ มีเสน่ห์ของความจริงเข้าถึงได้ และ สร้างความหวังและกำลังใจของชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ เหล่าเน็ตไอดอลที่เป็นผู้นำเทรนด์บนโลกออนไลน์ยังเป็นช่องทางสำคัญที่แบรนด์สามารถใช้เป็นช่องทางเข้าถึงผู้บริโภคในท้องถิ่นนั้นๆ ได้หลายวิธี เช่น การรีวิวเครื่องสำอาง การเป็นแบรนด์ เอนดอสเมนต์รวมถึงการเป็นพรีเซ็นเตอร์
สำหรับแบรนด์ที่มุ่งเจาะกลุ่มวัยรุ่น การเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคเข้าถึงอินเตอร์-เน็ตจะเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพมาก เช่น การให้ไวไฟฟรี หรือเพิ่มปริมาณดาต้าให้แพ็กเกจอินเตอร์เน็ต
"ทั้งนี้ แบรนด์ที่จะประสบความสำเร็จจะต้องมีส่วนช่วยผู้บริโภคในการเปลี่ยน ผ่านจากวิถีชีวิตชนบท ไปสู่วิถีดิจิตอล" นางสาววฤตดา กล่าวทิ้งท้าย