"ไอเอ็มเอฟ-อีซีบี " บีบไซปรัส รีดอากรเงินฝาก

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556



ยุทธจักรเศรษฐกิจโลกบังเกิดความโกลาหลอลหม่านอย่างรุนแรงขึ้นอีกระลอก เมื่อธนาคารกลางแห่งยุโรป (European Central Bank-ECB) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund-IMF) ประสานเสียงยื่นคำขาดให้รัฐบาลประเทศไซปรัส ต้องรีดอากรเงินฝากจากผู้ฝากเงิน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือ เพื่อการ ฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤติ

เงื่อนไขสำคัญที่อีซีบีและไอเอ็มเอฟ กำหนดให้รัฐบาลประเทศไซปรัส ซึ่งเป็นประเทศขนาดเล็กที่สุดในภาคีสหภาพยุโรปต้องดำเนินการ เพื่อแลกเปลี่ยนกับวงเงินช่วยเหลือฟื้นฟูวิกฤติเศรษฐกิจจำนวน 10,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 400,000 ล้านบาท คือการออกกฎหมายเรียกเก็บอากรเงินฝากจากผู้ฝากเงินทุกราย

อัตราอากรเงินฝากที่จะเรียกเก็บ แบ่งออกเป็น 2 อัตราคือกรณีเงินฝากไม่เกิน 100,000 ยูโร ต้องถูกเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 6.75

สำหรับเงินฝากตั้งแต่ 100,000 ยูโรขึ้นไป ต้องถูกเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 9.9

พลันที่เรื่องนี้แพร่สะพัดออกไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาผู้มีเงินฝากอยู่กับธนาคารในไซปรัสต่างพากันไปถอนเงินออกจากธนาคารผ่านทุกช่องทาง

เครื่องเอทีเอ็ม ซึ่งเป็นช่องทางการถอนเงินที่สะดวกสบายที่สุด ถูกรุมใช้บริการกระทั่งเงินสดที่ใส่ไว้ใน เครื่องเอทีเอ็มทั่วทั้งประเทศหมดเกลี้ยง ทั้งที่มีข้อกำหนด จำกัดการถอนไว้ที่ไม่เกินวันละ 400 ยูโรต่อราย

นายดิมิตี้ เพสโก้ โฆษกประจำตัวประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียออกมาตำหนิการรีดอากรเงินฝากจากผู้ฝากเงินในประเทศไซปรัสโดยกล่าวว่า "เป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมกับผู้ฝากเงิน และเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่เป็นมืออาชีพ อีกทั้งยังจะเป็นภัยต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม"

หลายคนอาจงุนงงสงสัยว่าเหตุไฉนใดเลย โฆษกประจำตัวผู้นำรัสเซียจึงเป็นเดือดเป็นแค้นถึงขั้นออกมาฉะการรีดอากรเงินฝากในไซปรัส

เหตุปัจจัยเบื้องลึกที่ทำให้รัสเซียต้องลุกขึ้นแสดงปฏิกิริยาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการรีดอากรเงินฝากในไซปรัส เป็นเพราะว่าธนาคารและนักธุรกิจ นักลงทุนสัญชาติรัสเซียมีผลประโยชน์มหาศาลอยู่ในระบบธนาคารที่ไซปรัส

เศรษฐีชาวรัสเซียจำนวนมากนิยมอพยพเคลื่อนย้ายความมั่งคั่งร่ำรวยไปเก็บรักษาไว้ในธนาคารที่ไซปรัส และกลายเป็นลูกค้าเงินฝากกลุ่มใหญ่ที่สุดในระบบธนาคารของไซปรัส นักธุรกิจ นักลงทุนชาวรัสเซียก็นิยมไปลงหลักปักฐานตั้งกิจการทำมาหากินในลักษณะ "องค์กรซ่อนเงื่อน" ในไซปรัส โดยใช้บริการสำนักงานกฎหมายหรือสำนักงานบัญชีของคนท้องถิ่นเป็น "ร่างทรง"

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกเปิดโปงข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์ของรัสเซียในระบบธนาคารในไซปรัสว่าบัญชีเงินฝากของชาวรัสเซีย ในธนาคารไซปรัส มีมูลค่ารวมกันไม่ต่ำกว่า 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 930,000 ล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 50 ของเงินฝากทั้งระบบของธนาคารในไซปรัส

ทำนองเดียวกันธนาคารในไซปรัส ก็เป็นแหล่งสนับสนุนทางการเงินที่สำคัญที่สุดของธุรกิจชาวรัสเซียในไซปรัส

มูดี้ส์ ระบุว่า เฉลี่ยแต่ละปีระบบธนาคารในไซปรัส จะทำหน้าที่อัดฉีดเงินทุนสนับสนุนกิจการชาวรัสเซียในไซปรัสสูงถึง 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ยิ่งไปกว่านั้นปริมาณเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างรัสเซียกับไซปรัส โดยเฉลี่ยในแต่ละปีก็อยู่ในระดับที่สูงมากถึง 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่ากับ 12 เท่าของมูลค่าเศรษฐกิจของไซปรัส

ผลประโยชน์มหาศาลที่รัสเซียมีอยู่กับไซปรัส ในลักษณะที่อาศัยช่องว่างความหละหลวมของกฎระเบียบ ตลอดจนอัตราภาษีอากรที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำของไซปรัสเป็นเครื่องมือทำมาหากิน เป็นสิ่งที่ทั้งอีซีบีและไอเอ็มเอฟ รู้อย่างแจ่มแจ้ง และเป็นมูลเหตุสำคัญที่ตั้งเงื่อนไขบีบรัฐบาลไซปรัสให้ต้องเรียกเก็บอากรเงินฝาก ก่อนที่จะปล่อยเงินช่วยเหลือจำนวน 10,000 ล้านยูโรให้ไปใช้สู้กับวิกฤติเศรษฐกิจ

กรณีเงื่อนไขการเรียกเก็บอากรเงินฝาก อาจเป็นเพียง "ด่านแรก" ที่รัฐบาลไซปรัสต้องผ่านให้ได้ขณะที่จะต้องเจอกับ "ด่าน-2" ซึ่งคาดว่าจะกดดันให้ต้องขยับภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4 เป็นร้อยละ 12.5 ในอนาคตอันใกล้นี้

ถึงตอนนั้นนักวิเคราะห์คาดหมายว่าสวรรค์ของเงินทุนสัญชาติรัสเซียจะย้ายถิ่นออกจากไซปรัส เข้าไปปักหลักในบ้านหลังใหม่ที่ "มอลต้า" และ "ลัตเวีย"


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ