Toggle navigation
วันจันทร์ ที่ 23 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
"ไอเอ็มเอฟ-อีซีบี " บีบไซปรัส รีดอากรเงินฝาก
"ไอเอ็มเอฟ-อีซีบี " บีบไซปรัส รีดอากรเงินฝาก
วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556
Tweet
ยุทธจักรเศรษฐกิจโลกบังเกิดความโกลาหลอลหม่านอย่างรุนแรงขึ้นอีกระลอก เมื่อธนาคารกลางแห่งยุโรป (European Central Bank-ECB) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund-IMF) ประสานเสียงยื่นคำขาดให้รัฐบาลประเทศไซปรัส ต้องรีดอากรเงินฝากจากผู้ฝากเงิน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือ เพื่อการ ฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤติ
เงื่อนไขสำคัญที่อีซีบีและไอเอ็มเอฟ กำหนดให้รัฐบาลประเทศไซปรัส ซึ่งเป็นประเทศขนาดเล็กที่สุดในภาคีสหภาพยุโรปต้องดำเนินการ เพื่อแลกเปลี่ยนกับวงเงินช่วยเหลือฟื้นฟูวิกฤติเศรษฐกิจจำนวน 10,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 400,000 ล้านบาท คือการออกกฎหมายเรียกเก็บอากรเงินฝากจากผู้ฝากเงินทุกราย
อัตราอากรเงินฝากที่จะเรียกเก็บ แบ่งออกเป็น 2 อัตราคือกรณีเงินฝากไม่เกิน 100,000 ยูโร ต้องถูกเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 6.75
สำหรับเงินฝากตั้งแต่ 100,000 ยูโรขึ้นไป ต้องถูกเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 9.9
พลันที่เรื่องนี้แพร่สะพัดออกไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาผู้มีเงินฝากอยู่กับธนาคารในไซปรัสต่างพากันไปถอนเงินออกจากธนาคารผ่านทุกช่องทาง
เครื่องเอทีเอ็ม ซึ่งเป็นช่องทางการถอนเงินที่สะดวกสบายที่สุด ถูกรุมใช้บริการกระทั่งเงินสดที่ใส่ไว้ใน เครื่องเอทีเอ็มทั่วทั้งประเทศหมดเกลี้ยง ทั้งที่มีข้อกำหนด จำกัดการถอนไว้ที่ไม่เกินวันละ 400 ยูโรต่อราย
นายดิมิตี้ เพสโก้ โฆษกประจำตัวประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียออกมาตำหนิการรีดอากรเงินฝากจากผู้ฝากเงินในประเทศไซปรัสโดยกล่าวว่า "เป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมกับผู้ฝากเงิน และเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่เป็นมืออาชีพ อีกทั้งยังจะเป็นภัยต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม"
หลายคนอาจงุนงงสงสัยว่าเหตุไฉนใดเลย โฆษกประจำตัวผู้นำรัสเซียจึงเป็นเดือดเป็นแค้นถึงขั้นออกมาฉะการรีดอากรเงินฝากในไซปรัส
เหตุปัจจัยเบื้องลึกที่ทำให้รัสเซียต้องลุกขึ้นแสดงปฏิกิริยาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการรีดอากรเงินฝากในไซปรัส เป็นเพราะว่าธนาคารและนักธุรกิจ นักลงทุนสัญชาติรัสเซียมีผลประโยชน์มหาศาลอยู่ในระบบธนาคารที่ไซปรัส
เศรษฐีชาวรัสเซียจำนวนมากนิยมอพยพเคลื่อนย้ายความมั่งคั่งร่ำรวยไปเก็บรักษาไว้ในธนาคารที่ไซปรัส และกลายเป็นลูกค้าเงินฝากกลุ่มใหญ่ที่สุดในระบบธนาคารของไซปรัส นักธุรกิจ นักลงทุนชาวรัสเซียก็นิยมไปลงหลักปักฐานตั้งกิจการทำมาหากินในลักษณะ "องค์กรซ่อนเงื่อน" ในไซปรัส โดยใช้บริการสำนักงานกฎหมายหรือสำนักงานบัญชีของคนท้องถิ่นเป็น "ร่างทรง"
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกเปิดโปงข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์ของรัสเซียในระบบธนาคารในไซปรัสว่าบัญชีเงินฝากของชาวรัสเซีย ในธนาคารไซปรัส มีมูลค่ารวมกันไม่ต่ำกว่า 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 930,000 ล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 50 ของเงินฝากทั้งระบบของธนาคารในไซปรัส
ทำนองเดียวกันธนาคารในไซปรัส ก็เป็นแหล่งสนับสนุนทางการเงินที่สำคัญที่สุดของธุรกิจชาวรัสเซียในไซปรัส
มูดี้ส์ ระบุว่า เฉลี่ยแต่ละปีระบบธนาคารในไซปรัส จะทำหน้าที่อัดฉีดเงินทุนสนับสนุนกิจการชาวรัสเซียในไซปรัสสูงถึง 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ยิ่งไปกว่านั้นปริมาณเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างรัสเซียกับไซปรัส โดยเฉลี่ยในแต่ละปีก็อยู่ในระดับที่สูงมากถึง 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่ากับ 12 เท่าของมูลค่าเศรษฐกิจของไซปรัส
ผลประโยชน์มหาศาลที่รัสเซียมีอยู่กับไซปรัส ในลักษณะที่อาศัยช่องว่างความหละหลวมของกฎระเบียบ ตลอดจนอัตราภาษีอากรที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำของไซปรัสเป็นเครื่องมือทำมาหากิน เป็นสิ่งที่ทั้งอีซีบีและไอเอ็มเอฟ รู้อย่างแจ่มแจ้ง และเป็นมูลเหตุสำคัญที่ตั้งเงื่อนไขบีบรัฐบาลไซปรัสให้ต้องเรียกเก็บอากรเงินฝาก ก่อนที่จะปล่อยเงินช่วยเหลือจำนวน 10,000 ล้านยูโรให้ไปใช้สู้กับวิกฤติเศรษฐกิจ
กรณีเงื่อนไขการเรียกเก็บอากรเงินฝาก อาจเป็นเพียง "ด่านแรก" ที่รัฐบาลไซปรัสต้องผ่านให้ได้ขณะที่จะต้องเจอกับ "ด่าน-2" ซึ่งคาดว่าจะกดดันให้ต้องขยับภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4 เป็นร้อยละ 12.5 ในอนาคตอันใกล้นี้
ถึงตอนนั้นนักวิเคราะห์คาดหมายว่าสวรรค์ของเงินทุนสัญชาติรัสเซียจะย้ายถิ่นออกจากไซปรัส เข้าไปปักหลักในบ้านหลังใหม่ที่ "มอลต้า" และ "ลัตเวีย"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ